แอ่วเชียงราย 3 วัน 2 คืน เที่ยวสนุกตามสไตล์โลคอล

แชร์

เชียงรายเมืองแห่งธรรมชาติและดอยสวย โดดเด่นในเรื่องของงานศิลปะ วัฒนธรรมของชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งในเรื่องการวิถีชีวิต อาหารการกิน ที่ยังคงเรียบง่ายและมีเสน่ห์ ทำให้รู้สึกอุ่นใจเมื่อได้เข้าไปเยือนในชุมชนแห่งนั้น เชียงราย จึงเมืองท่องเที่ยวสายเหนือยอดฮิตแห่งนี้ ยังคงสร้างความตื่นเต้น และสนุกได้ทุกครั้งเมื่อได้มา มาเที่ยวเชียงรายครั้งนี้มีเวลา 3 วัน 2 คืน จัดไปให้เต็มที่ พักอิงแอบอยู่กับธรรมชาติและความเงียบสงบ  สูดอากาศบริสุทธิ์บนดอยให้เต็มปอด

 

วันแรก

วัดทรายขาว

นั่งเครื่องมาถึงเชียงรายแต่เช้า ก็เช่ารถขับออกมาจากสนามบินทันที ปกติตามธรรมเนียมต้องเข้าเมือง หาอะไรทานและไปเที่ยววัดร่องขุ่นก่อนตลอด แต่ครั้งนี้เปลี่ยนแผนขับรถออกไปนอกเมืองสักหน่อย เพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งใจมาก วัดทรายขาว  ตั้งอยู่ในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็นวัดที่มีความสวยงามอลังการด้วยสถาปัตยกรรมที่วิจิตรงดงามแปลกตา สีสดใส ทั้งพระอุโบสถ เจดีย์  วิหาร รูปปั้นเทพต่างๆ ผสมผสานศิลปะแบบหลากหลาย ทั้ง ศิลปะแบบ ไทย พม่า อินเดีย เมื่อเดินเข้ามาภายในวัดให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนภารตะ ภายในวัดกว้างขวางและมีมุมถ่ายภาพสวยๆมากมาย

วัดตั้งอยู่ริมถนนสายหลักเส้นไปพะเยา ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 25 กิโลเมตร หากขับรถมาจากกรุงเทพจะผ่านวัดก่อนเข้าเมือง แต่ถ้ามาจากเชียงรายต้องขับรถย้อนออกไปประมาณ 20 นาที เป็นวัดที่ทำให้เราตะลึงไปกับศิลปะการก่อสร้าง เกือบทุกมุมของวัดสวยแปลกตาสีสดใส ด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ เริ่มจากเจดีย์สีทองที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้ามีบันไดพญานาคที่งดงามน่าเกรงขาม เจดีย์ที่บริเวณยอดเป็นทรงโดมรูปหัวหอมมองไปคล้ายกับยอดวิหารในต่างประเทศ  และบางส่วนมียอดแหลมเหมือนกับเจดีย์ในประเทศพม่า เป็นวัดที่ผสมผสานศิลปะหลายรูปแบบมาก

มาถึงสิ่งก่อสร้างที่เป็นไฮไลท์ หอชมวิวสีส้ม โดดเด่นด้วยลวดลายปูนปั้นบนเสาที่เรียงรายไปจนสุดทาง บริเวณส่วนของยอดยิ่งสวยคล้ายกับศิลปะแบบอินเดีย หรือมองอีกแบบคล้ายกับ วิหารเซนต์บาซิล ที่มอสโคเหมือนกัน เดินเข้าไปโพสต์ท่าถ่ายรูปนึกว่าไปเที่ยวอินเดีย

แต่ละชั้นมีระเบียงสำหรับยืนชมวิวในมุมต่างๆ ของวัดได้อย่างสวยงาม ชั้นสองมีทางเดินเชื่อมไปยังเจดีย์ที่มีบันไดพญานาคอยู่ด้านหน้า

พระวิหารทาด้วยสีน้ำเงินประดับด้วยลวดลายปูนปั้นสีทอง ภายในประดิษฐานพระนอน ศิลปะคล้ายกับประเทศพม่า

พระอุโบสถศิลปะแบบไทย ด้านหน้ามีรูปปั้นเทพครึ่งคนครึ่งม้า 2 องค์ สีน้ำเงินกับสีขาวเป็นทวารบาลเฝ้าประตูสุดอลังการ  มองออกมากจากพระอุโบสถมองเห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด

อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่สวยแปลกตาตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นหอสำหรับขึ้นไปชมวิวทาด้วยสีน้ำเงินประดับด้วยลวดลายปูนปั้นสีทอง  วัดทรายขาว เป็นอีกหนึ่งวัดที่งดงาม อลังการ สวยแตกต่างจากวัดอื่นที่เคยพบ มาเที่ยวเชียงรายต้องไม่พลาดมาเยี่ยมชมไหว้พระ ทำบุญ และสำหรับมใครที่ชอบถ่ายรูปจะชอบเพราะมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก

 

 It Eat Cafe

จากนั้นกลับเข้าเมืองเพื่อไปทานข้าวที่   It Eat Cafe (อิฐ อี้ท คาเฟ่) ร้านกาแฟสไตล์ลอฟท์ที่สร้างจากอิฐ พิกัดร้านตั้งอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงไร่บุญรอด ใครผ่านไปผ่านมาแถวนั้นต้องรู้สึกสะดุดตากับร้านนี้แน่นอน ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในร้านจะได้กลิ่นหอมของกาแฟ และกลิ่นอายของความคลาสสิคจากการตกแต่งร้าน แถมในร้านยังมีหลายโซนให้เลือกนั่ง เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ หรือนั่งชิลล์ได้ตลอดทั้งวัน

ภายในร้านมีการจัดสรรพื้นที่ได้ดี แบ่งโซนที่นั่งออกเป็นสัดส่วน ตรงกลางเป็นทางเดินที่เปิดโล่งดูโอ่โถง  มองโดยรวมดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ ส่วนการตกแต่งของร้านคุมโทนความเป็นลอฟท์สไตล์ ด้วยการใช้โต๊ะ เก้าอี้โทนสีน้ำตาล ดำ ตามโครงสร้างของร้านที่เป็นอิฐ เป็นปูน ประดับด้วยโคมไฟ ต้นไม้ และผ้าม่านขาวมาประดับตามมุมต่างๆ ทำให้ลูกค้าที่มาได้รับความรู้สึกผ่อนคลายแบบสบาย

สำหรับใครที่ชื่นชอบการนั่งแบบเอาท์ดอร์ ทางร้านได้เนรมิตตรงบริเวณด้านนอกร้านให้เป็นที่นั่ง โดยใช้การก่ออิฐบล็อกแบ่งเป็นล๊อคสี่เหลี่ยมแบบส่วนตั มีหมอน และม่านตกแต่ง ถือเป็นอีกมุมที่น่านั่งมาก ถัดออกมาแบบ Open air มีโต๊ะ เก้าอี้ไซส์มินิตั้งไว้ท่ามกลางพื้นหินสำหรับคนที่อยากจะปลีกตัวออกมานั่งแบบส่วนตัว  มุมนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว

มาต่อกันที่เมนูอาหาร มาแล้วต้องสั่ง คือ ข้าวหมูทอดพริกเกลือไข่ข้น และสปาเก็ตตี้หมูพริกเกลือที่มีผักเครื่องเคียงแบบสมุนไพรมาในจานด้วย รสชาติอร่อยจนต้องยกให้เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารอื่น  อาทิ ข้าวไข่ข้นกะเพราไส้อั่ว สปาเก็ตตี้เบคอนผัดพริกแห้ง หรืออาหารทานเล่นให้เลือกอีกมากมาย

ส่วนเครื่องดื่มที่อยากแนะนำคือ ชาพีชเย็นแก้วนี้ที่หอมพีช ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นถึงใจ ตกแต่งหน้าตาได้ดูดี และยังมีเมนูเครื่องดื่มแปลกใหม่อีกหลายอย่าง อาทิ น้ำพั้นช์ทับทิม น้ำพั้นช์เสาวรสสีสันน่าทาน ตามมาด้วยชาเก๊กฮวย  ชาดอกไม้บาน ชาบัวสาย และชากุหลาบอุ่น สั่งมาจิบคู่กับเมนูขนมหวานอย่างเค้ก ขนมปังปิ้ง หรือฮันนี่โทสจะเป็นอะไรที่เข้ากันดีมาก

ใครที่มีจุดหมายปลายทางจะมาเที่ยวเชียงราย แล้วได้ผ่านมาแถวไร่บุญรอด  It Eat Cafe  เป็นอีกร้านที่เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนก่อนไปเที่ยวต่อ หรือแวะเวียนมานั่งเล่นชิล หาอะไรดื่มให้เย็นชื่นใจ รับรองว่าใครที่ได้มาแล้วจะต้องรู้สึกประทับใจแน่นอน

It Eat Cafe เชียงราย

พิกัด: ถนนเด่นห้า – ดงมะดะ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย (ทางไปไร่บุญรอด อยู่ติดถนนซ้ายมือถ้ามาจากตัวเมือง)

เปิดให้บริการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 20.00 น.

เบอร์โทรศัพท์: 091 067 8272

 

วัดร่องขุ่น

จากนั้นไปต่อยัง  วัดร่องขุ่น มาเชียงรายกี่ครั้งต้องแวะตลอด ไม่ว่าผ่านไปกี่ปียังคงสวยงามเสมอไม่เปลี่ยน อุโบสถสีขาวประดับด้วยกระจกสีเงินแวววาว และลวดลายปูนปั้นประดับกระจก อันวิจิตรเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นแล้วต้องตะลึง

ด้านหน้าทางเข้าจะเจอสระน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานทางเดินเข้าสู่ตัววัด หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ  ครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์

ศิลปะลวดลายปูนปั้นงดงามอลังการ บริเวณทางเดินเข้าสู่ตัวพระอุโบสถ

รายละเอียด
ที่ตั้ง ต. ป่าอ้อดอนชัย อ. เมือง จ. เชียงราย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.
ห้องแสดงภาพ : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์ – ศุกร์ 8.00 – 17.30 น. วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
เวลา 8.00 – 18.00 น.

 

บ้านไม้ปรายเมฆ

ออกนอกเมืองหลีกหนีความวุ่นวาย พักผ่อนปล่อยใจ เคล้าบรรยากาศดีๆ กับความเป็นธรรมชาติอันเงียบสงบ ที่ บ้านไม้ปรายเมฆ เชียงราย ที่พักในคืนแรก เพื่อดื่มด่ำไปกับความงดงามของวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่โอบล้อมอ่างเก็บน้ำ เป็นภาพที่สวยงามดุจภาพวาด นอกจากที่พักยังมีร้านกาแฟและอาหารให้บริการด้วย สำหรับคนที่ไม่ได้มาพัก สามารถแวะทานเครื่องดื่มหรืออาหารได้  มีมุมให้นั่งเล่นพักผ่อนถ่ายรูปหลายจุด

บ้านไม้ปรายเมฆ ตั้งอยู่ในอำเภอเวียงชัยห่างจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 30 กม ให้บริการบ้านพักและร้านกาแฟ โลเคชั่นดีสุดๆ ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก มีฉากหลังเป็นวิวภูเขาเรียงรายสลับซับซ้อน วิวอลังการมาก พื้นที่กว้างขวาง ตกแต่งมุมพักผ่อนนั่งเล่นน่านั่งหลายจุด ทั้งเก้าอี้ แปลตาข่าย ชิงช้า สะพานไม้ไผ่ ให้ถ่ายรูปเล่นแบบเพลินๆ แถมมีเรือปั่นให้เช่า รวมทั้งเรือคายัค ให้ได้สัมผัสบรรยากาศในอ่างเก็บน้ำได้แบบใกล้ชิด

สำหรับที่พักให้บริการทั้งบ้านพักเป็นหลัง เป็นบ้านปูนสไตล์ลอฟท์ มองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำจากหน้าบ้าน ภายในห้องพักกว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เรามาพักในช่วงเดือน ต ค ราคาหลังละ 1000 บาท รวมอาหารเช้า ส่วนที่พักอีกแบบเป็นกระโจมเต้นท์ เปิดให้บริการในช่วงหนาว ประมาณเดือน พ.ย. – ม.ค. ในส่วนของที่พักสามารถสอบถามราคากับที่พักได้ เพราะราคาในแต่ละช่วงจะต่างกัน

พื้นที่ในส่วนของร้านกาแฟ สามารถมองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำ ให้บริการทั้งเครื่องดื่มและอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ  รวมทั้งชุดหมูกะทะสำหรับคนที่มาพักด้วย  นั่งจิบเครื่องดื่มทานอาหารเพลินๆ ชมภาพวิถีชีวิตในธรรมชาติที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและไม่วุ่นวาย

ภายในที่พักและร้านกาแฟจัดทำจุดถ่ายรูปไว้หลายจุด ทั้งทางเดินไม้ไผ่ให้เดินเล่นชมวิวโดยรอบ มีเก้าอี้นั่งระหว่างทางเดิน ให้นั่งฟังเสียงนกร้อง เสียงลมกระทบใบไม้ บางครั้งมีเรือของชาวบ้านออกมาหาปลา ได้ยินเสียงตกปลา มีความเป็นธรรมชาติมาก  มาพักที่นี่ไม่ต้องออกไปเที่ยวที่ไหน เพราะมีให้บริการพร้อมทั้งอาหารและวิวอันสวยงาม ชอบมากบรรยากาศแบบนี้อยู่ได้ทั้งวัน

 

วันที่สอง

ยามเช้าตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและสายหมอกบางที่ลอยคลอเคลียกลางหุบเขา แสงแดดอุ่นส่องมากระทบกับใบหน้า เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากกับวิวที่ได้เห็นตรงหน้า เดินเล่นชมหมอก สัมผัสอากาศเย็นสบาย และเงียบสงบ จะมีอะไรฟินไปกว่านี้อีกมั้ย บ้านไม้ปรายเมฆ ที่พักและร้านกาแฟ ที่ผสมผสานระหว่างความดิบแบบดั้งเดิมของธรรมชาติ และความสะดวกสบายของการพักผ่อนได้แบบลงตัวและครบครัน

บ้านไม้ปรายเมฆ เชียงราย

พิกัด 117 หมู่ 14 บ้านใหม่สันติสุข ซอย1 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย

โทร: ร้านกาแฟ 064 894 5730 จองห้องพัก 064-2898946

เวลาเปิด – ปิด : 10.00 – 18.30 น.

 

ARABIA COFFEE STORE

เช็คเอาท์จากที่พักเข้าเมืองเชียงราย แวะมา ARABIA COFFEE STORE  ร้านกาแฟมีสไตล์ ในบ้านปูนแบบดิบมองดูเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยกลิ่นไอของความฮิป จึงกลายเป็นร้านโปรดของคนชอบถ่ายรูปนิยมมาแชะภาพกันเยอะ ที่สำคัญเครื่องดื่มและกาแฟยังรสชาติเข้มข้น ได้ฟีลของความเป็นกาแฟ โกโก้ ชาเขียว แบบแท้ๆ

ร้านตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงราย หน้าร้านมีที่จอดรถบริการประมาณ 4 คัน  เป็นบ้านปูนในแบบบ้านไม้เก่า มีป้ายร้านและประตูไม้บานใหญ่ ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพมุมแรกที่เก๋มาก

ภายในร้านโปร่งโล่ง ไม่ติดแอร์แต่อากาศไม่ร้อน มีโต๊ะไม้ยาว 3 ตัว และมีโต๊ะนั่งขนาดเล็กอยู่รอบด้าน แม้มองผิวเผินการจัดร้านมีอาจดูธรรมดา แต่พอนั่งถ่ายรูปตามมุมต่าง คือ ดีมากให้ฟีลเรียบ คูล แสงละมุนสวย ด้านข้างเคาน์เตอร์มีกระสอบกาแฟวางอยู่ถ่ายรูปเก๋ๆ และอีกมุมของร้านยังมีเคาน์เตอร์กาแฟแบบมีโซนทำกาแฟดริปด้วย

และที่พลาดไม่ได้คือมุมมหาชน ตรงกำแพงด้านหน้ามีช่องวงกลม และมุมเก้าอี้เล็กๆ อยู่ด้านข้าง ครีเอทท่าถ่ายภาพกันได้ตามความสร้างสรรค์ของแต่ละคนได้เลย

ในส่วนเมนูร้านนี้มีแค่เครื่องดื่ม เราสั่งโกโก้กับชาเขียว มาลองดู คือ รสชาติดีมาก ทั้งสองเมนู ให้ความเข้มข้นของผงโกโก้และชาเขียวแบบแท้ ดื่มแล้วฟินมาก เป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่ได้ดีแค่มีมุมถ่ายภาพสวยๆ เป็นร้านกาแฟที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนแต่ได้บรรยากาศสุดๆ

ARABIA COFFEE STORE  

พิกัด 165หมู่6 ต ตำบลป่าอ้อดอนไชย อ.เมือง เชียงราย 57000

เปิดให้บริการ 07.00-17.00  น.

โทรศัพท์: 095 262 6445

บ้านดำ

ไปต่อยัง บ้านดำ หรือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ร้างขึ้นโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติที่มีฝีมือทางด้านจิตรกรรม ปฏิมากรรม ได้สร้างงานด้านศิลปะไว้มากมาย ทั้งทางด้านภาพเขียนและด้านปฏิมากรรมหลายชิ้น ถึงแม้อ.ถวัลย์จะถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว แต่บ้านดำ ก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสความงดงามของที่แตกต่างไม่เหมือนใคร   ลักษณะของบ้านดำจะเป็นกลุ่มบ้าน ศิลปะแบบล้านนา ทุกหลังทาด้วยสีดำ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บ้านดำ” ซึ่งเป็นสีที่ อ. ถวัลย์โปรดปราน ในบ้านแต่ละหลังจะประดับด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายงดงาม นอกจากไม้แกะสลักแล้วยังประดับด้วยเขาสัตว์ เช่น เขาควาย เขากวาง และยังมีกระดูกสัตว์ เช่น กระดูกช้าง เป็นต้น

สำหรับการเข้าชมบ้านดำ เสียค่าเข้าชมคนละ 80 บาท ภายในบริเวณบ้านดำ รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ บรรยากาศเย็นสบาย ประกอบไปด้วยบ้านทั้งหมด 40 หลัง ที่มีลักษณะแตกต่างกันไป ซึ่งบ้านเหล่านี้ไม่ได้สร้างไว้สำหรับอยู่อาศัยแต่สร้างไว้สำหรับเก็บสิ่งของสะสมต่าง ๆ ของอาจารย์ถวัลย์  จุดแรก คือ วิหารเล็ก ตั้งอยู่ด้านหน้าตามด้วยมหาวิหารที่มีลักษณะเหมือนบ้านทรงไทยสีดำใหญ่โตอลังการ

ภายในมหาวิหาร  เป็นห้องโถงโล่งกว้างใหญ่ มีของสะสมและงานศิลปะมากมาย ทั้ง ภาพเขียน งานแกะสลัก หัวสัตว์ ฯลฯ รวมทั้งหนังจระเข้ขนาดใหญ่สีดำพาดอยู่บนโต๊ะที่ยาวมากอีกด้วย

ถัดจาก วิหารราม เป็นกลุ่มบ้านต่างๆ แต่ละหลังมีความงดงามด้วยศิลปะและรูปทรงที่แตกต่างกัน ทั้ง  เรือนหลองข้าว ศาลาพระสี่อริยาบถ  เรือนสุงสุมาร  บ้านดำกาแลเกี่ยวฟ้า ศาลาตะวันออก ห้องแต้ม  โดยบ้านแต่ละหลังชมได้เฉพาะด้านนอกตัวบ้านเท่านั้น เดินเล่นชมบ้านแต่ละหลังจะเพลิดเพลินและตื่นตา ตื่นใจไปกับศิลปะของ อ.ถวัลย์

บ้านดำ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงราย ที่แสดงถึงเอกลักษณ์และศิลปะแบบล้านนาที่ทรงคุณค่าและ ควรอนุรักษ์ ในจังหวัดเชียงราย บ้านดำ เปิดให้เข้าชมเข้าทุกวัน) ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. โดยมีค่าเข้าชม 80 บาท

 

จุดชมวิวฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ

ขึ้นดอยไปต่อ เพื่อไปยังที่พักในคืนสุดท้าย ณ ดอยผาฮี้ แต่ก่อนถึงดอยผาฮี้ แวะไปยังจุดท่องเที่ยวใกล้เคียง ที่ จุดชมวิวฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ จุดที่วิวสวยงามที่ตั้งอยู่ถัดไปจากบ้านผาฮี้ ไม่ไกลมากนัก หรือจะมาจากเส้นทางดอยตุงก็ได้ บริเวณฐานปฏิบัติการได้จัดทำเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นวิวของเทือกเขียวเขาสลับซ้อนไปจนสุดขอบฟ้าได้แบบพาโนรามา สวยงามดั่งภาพวัด และยังมีร้านกาแฟที่ให้บริการนักท่องเที่ยว รวมทั้งจัดทำเป็นเก้าอี้แบบยกสูงพร้อมโต๊ะ สำหรับนั่งชมวิวทิวเขาได้อีกด้วย  ได้ฟีลแบบนั่งจิบกาแฟที่ไม่เหมือนใคร

ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ตั้งอยู่บนแนวสันเขาแบ่งเขตแดนไทย-พม่า มีกองกำลังทางทหารประจำการเพื่อความมั่นคงของชาติของหลายกอง สำหรับการเดินทางมาจุดชมวิวฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ สามารถมาได้สองทาง คือ มาจากวัดพระธาตุดอยตุง จะไปผาฮี้ จะต้องผ่านจุดนี้ก่อน หรือมาจากบ้านผาหมี ผาฮี้ ก็จะถึงจุดชมวิวในลำดับถัดไป  เมื่อขับรถมายังด่านทหาร ให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าชม ทางเข้าทำเป็นแนวรั้วสร้างด้วยรั้วไม้ไผ่ จากทางเดินเข้ามาจะมาพบลานหญ้าสีเขียวสวยงามและระเบียงชมวิว ที่สามารถไปยืนชมวิวเทือกเขาฝั่งพม่าได้แบบไกลสุดตา จุดชมวิวแห่งนี้ยังสามารถมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามแห่งหนึ่ง  แถมยังมีโอกาสลุ้นทะเลหมอกในยามเช้า หรือในช่วงเวลาอื่นที่ฝนตก

บริเวณจุดชมวิวยังมีร้านกาแฟที่ขายเครื่องดื่มเล็กน้อย พร้อมโต๊ะนั่งชมวิว เก๋ได้บรรยากาศ มองเห็นวิวเทือกเขาเขียวขจีสบายตามาก สวยจนไม่อยากละสายตาไปจากวิวตรงนี้เลย แถมอากาศยังเย็นสบายมีลมพัดผ่านตลอด ถึงแม้จะมาในช่วงกลางวันที่แดดแรงก็ตาม  เป็นจุดชมวิวที่ จะได้เห็นวิวเขาทั้งฝั่งพม่าและไทย นั่งจิบกาแฟชมวิวได้อย่างสบายใจ

ดอยผาฮี้

ดอยผาฮี้   แหล่งปลูกกาแฟที่ขึ้นชื่อของเชียงราย ที่คัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยมส่งขายตามร้านกาแฟต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงในเรื่องของกาแฟเท่านั้น แต่ถ้าพูดถึงวิวทิวทัศน์ของบ้านผาฮี้ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะที่ตั้งอยู่บนดอยสูงโอบล้อมด้วยทิวเขาที่สวยงามและมีรูปร่างแปลกตา มีร้านกาแฟและทีพัก มองเห็นวิวเบื้องหน้าเป็นภูเขาและผืนป่าเขียวขจี มีมุมนั่งเล่นห้อยขาชมวิวสุดเก๋ ให้พักผ่อนสัมผัสบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ มีเสน่ห์มากมายขนาดนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว

ดอยผาฮี้ ตั้งอยู่ในอำเภอแม่สาย ฃสำหรับการเดินทางที่สะดวกสุด คือ จากตัวเมืองเชียงรายเข้าสู่อำเภอแม่สาย มายังดอยผาหมี จากดอยผาหมีประมาณ 7 กิโลเมตร ก็มาถึงดอยผาฮี้  สำหรับเส้นทางจากทางแยกเข้าบ้านผามีไปจนถึงผาฮี้นั้นป็นเส้นทางถนนราดยางตลอดสาย รถทุกชนิดสัญจรได้ แต่เส้นทางบางช่วงแคบและชันเล็กน้อย ต้องขับด้วยความระมัดระวัง เมื่อเห็นป้ายหมู่บ้านผาฮี้  ให้เลี้ยวรถเข้าไปในหมู่บ้านได้เลย

หมู่บ้านผาฮี้ เป็นหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า ที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่สามารถเดินชมบรรยากาศรอบหมู่บ้านได้แบบสบายๆ บ้านแต่ละหลังจะปลูกเรียงลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ที่เขียวขจี  วิวเบื้องหน้าคือ ทิวเขาที่สลับซับซ้อน ของดอยผาหมีและดอยตุง

เมื่อมาถึงภายในหมู่บ้านผ่านป้ายชื่อบ้านผาฮี้แล้ว จุดแรกที่เราจะเจอ คือ จุดชมวิวของหมู่บ้านเป็นระเบียงชมวิวกว้าง และมีชิงช้าของชาวอาข่าตั้งอยู่บริเวณนี้ด้วย

ดอยผาฮี้ คือ แหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ คือ ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า มูเซอร์แดง มูเซอร์ดำ ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้มีถางป่าจนหัวโล้นแล้วปลูกฝิ่น ข้าวโพด จนกระทั่งในปี 2531 เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุง ได้เข้ามาในหมู่บ้าน ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลิกทำไร่เลื่อนลอย และสอนให้ชาวบ้านเรียนรู้ที่จะอาศัยร่วมกับป่า ห้ามไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่า และสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกกาแฟกันมากขึ้น จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชาวอาข่าผาฮี้ ที่หันมาปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลักทั้งหมู่บ้าน โดยส่งเสริมให้ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าซึ่งให้ผลดีในพื้นที่สูงจนโด่งดังไปทั่วโลก ทำให้ที่นี่มีร้านกาแฟมากมายหลายร้าน พร้อมให้บริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์ด้วย ซึ่งแต่ละร้านมาใน concept เดียวกัน คือ นั่งจิบกาแฟห้อยขา มีร่มสีสันสดใสภายในร้าน  แต่ละร้านจะใช้สีที่แตกต่างกันออก แถมยังมีชุดชาวไทยภูเขาอาข่าให้ใส่ถ่ายรูปกับวิวสวยๆ ฟรีอีกด้วย เริ่มจากร้านแรก ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดชมวิว ร้านกาแฟผาฮี้ ร้านนี้ใช้ร่มสีแดงและเป็นทั้งร้านกาแฟและที่พัก วิวดีมากที่สุด เพราะตั้งอยู่บนข้างสุด มองเห็นวิวได้เกือบทั้งหมู่บ้าน

ร้านกาแฟ หมื่อแล ชื่อแปลกมาก เป็นร้านที่ตกแต่งน่ารัก มีสองชั้น ที่สามารถมองเห็นวิวของบ้านผาฮี้ได้ สวยงามอีกร้านหนึ่ง วิวจะคล้ายกับร้านกาแฟดอยผาฮี้ เพราะตั้งอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เพียงแต่ร้านหมื่อแล จะอยู่ถัดลงมาบริเวณกลางหมู่บ้าน บริเวณชั้นสองของร้านหมื่อแล มองเห็นวิวสวยมาก

ต่อไปลงไปข้างล่างหมู่บ้านอีกนิด คือ ดอยผาฮี้โฮมสเตย์ ที่พักและร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านนี้ใช้ร่มสีม่วง มองเห็นวิวเป็นวิวภูเขา

ถัดจากร้านร่มม่วง  คือ ร้านกาแฟภูผาฮี้  ที่พักและร้านกาแฟแห่งแรกที่ทำให้ ดอยผาฮี้ เป็นที่รู้จัก ใช้ร่มสีเขียว ชื่อที่พักและร้านกาแฟแต่ละร้านจะคล้ายกันมากเพราะใช้คำว่า ผาฮี้ เกือบทุกร้าน ต้องแยกให้ออกกันเลยทีเดียว ว่าที่ไหนอยู่ตรงไหน

ติดกับร้านกาแฟภูผาฮี้ คือ ผาฮี้ วัลเลย์ ที่พักของเราในคืนนี้  ที่พักจะมีดีไซน์ที่แตกต่างจาก ทุกที่ เพราะที่พักส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่อยู่ในตึก แต่ที่นี่เป็นบ้านกระท่อมไม้ไผ่ เป็นหลังแยกออกจากกัน วิวแนบชิดติดภูเขากันเลยทีเดียว มีร้านกาแฟและร้านอาหารอยู่ด้านหน้า

ภายในห้องพักค่อนข้างกว้าง เป็นบ้านส่วนตัว 2 ชั้น ชั้นบนเป็นชั้นลอย มีเตียงนอนให้ สามารถพักได้สูงสุด ประมาณ 4 คน ที่พักดอยผาฮี้ทุกที่จะคิดราคา อยู่ในเรท คนละ 750 – 900 บาท พร้อมอาหารเช้า เย็น และชุดดริปกาแฟ  ส่วนผาฮี้วัลเลย์ คิดราคาคนละ 900 บาท มาคนเดียวคิดราคา 1200 บาท ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำในตัวที่กว้างมาก มีเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อม มีระเบียงส่วนตัวเป็นวิวของสวนกาแฟและภูเขา 

อาหารมื้อเย็นของที่พัก จัดมาแบบเต็ม เป็นเซ็ทอาหารชนเผ่าอาข่า 8 อย่าง รสชาติอร่อยมาก

วันที่สาม 

เช้าวันใหม่ ณ ดอย ผาฮี้ เราเลือกขึ้นไปชมวิว ที่ร้านกาแฟผาฮี้ ซึ่งเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน วิวตรงนี้น่าจะชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยที่สุด เพราะสามารถมองเห็นวิวได้ทั้งหมู่บ้าน รวมถึงวิวของภูเขาด้วย และไม่ผิดหวังจริงๆ วิวสวยมาก เจ้าของที่พักใจดี จัดชุดดริปกาแฟให้ดื่มฟรีมาหนึ่งชุดอีกด้วย

หลังจากนั่งชมวิวที่ร้านกาแฟผาฮี้ เราเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวอีกหนึ่งจุด ตั้งอยู่ถัดจากร้านกาแฟผาฮี้ มีทางเดินไม้ไผ่ และระเบียงสำหรับนั่งชมวิว ที่มองเห็นวิวได้สวยงามไม่แพ้กัน

บรรยากาศยามเช้าหน้าที่พักของเรา ผาฮี้ วัลเลย์ เก๋กู๊ด ไม่แพ้กัน แต่ต้องรอสายประมาณสัก 8 โมง แสงถึงจะส่องมาถึง

ชุดดริปกาแฟจากที่พักพร้อมอาหารเช้า และที่ขาดไม่ได้ ต้องสั่ง คือ เมนูพิซซ่า ที่รสชาติดี แป้งบางนุ่ม หอมชีสมาก

บรรยากาศของผาฮี้ วัลเลย์ หลังฝนตกใหม่ ๆ จะได้เห็นสายหมอกลอยไปมาเหนือหุบเขา

ประมาณ 9 โมง เราไปยังสะพานไม้ไผ่ผาฮี้ ซึ่งอยู่ล่างสุดของหมู่บ้าน เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดมาเยือนเมื่อมาถึงดอยผาฮี้ ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอยู่จุดเดียวกันกับร้านคอฟฟี่ฮิลล์ผาฮี้ จุดเด่น คือ สะพานทางเดินไม้ไผ่ ทอดยาวรายล้อมไปด้วยไร่กาแฟ ประดับด้วยร่มหลากสีสันสดใสแขวนห้อยไว้ด้านบนตลอดแนว ตลอดทางเดินไม้ไผ่ สามารถเดินชมวิวถ่ายรูปกันเพลินๆ เมื่อมาถึงด้านบนสุดมีระเบียงชมวิว หอคอยรักไม้ไผ่ สามารถยืนชมวิวของภูเขาและสายหมอกแบบพาโนรามา แนะนำหากมาใชนช่วงเวลาเช้ายามพระอาทิตย์ขึ้นมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกได้ง่ายกว่า หรือมาในช่วงฝนตกใหม่ๆก็จะเห็นสามหมอกลอยคลอเคลียผ่านไปมาในหุบเขาได้อย่างสวยงาม

การเดินทางมาเที่ยวสะพานไม้ไผ่บ้านผาฮี้ จะมีบริการรถรับส่ง โดยมีค่ารถไป – กลับ คนละ 60 บาท รวมค่าบำรุงสะพานไม้ไผ่แล้ว สามารถแจ้งกับร้านกาแฟหรือโฮมสเตย์ที่พักให้ส่งรถมารับได้  ที่สะพานไม้ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเนื่องจากสะพานอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน เส้นทางเป็นทางดินแคบๆ รถสวนกันไม่ได้ จากหมู่บานผาฮี้มาถึงสะพานใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที สะพานไม้ไผ่เป็นสะพานทอดยาวพาดผ่านไร่กาแฟประดับด้วยร่มหลากสีสัน  เดินบนสะพานก็จะเห็นต้นกาแฟอยู่ด้านข้างตลอด มีความเป็นธรรมชาติมาก  ระหว่างทางเดินยิ่งสูงขึ้นก็จะได้เห็นวิวของภูเขาและสายหมอก รวมถึงบ้านเรือนของชาวบ้านผาฮี้ แทรกตัวอยู่ในภูเขาอยู่ไม่ไกล

เดินขึ้นมาสักพักไม่นานจะถึงหอคอยรักไม้ไผ่ ซึ่งเป็นจุดสูงสุด สามารถเห็นวิวของร่องเขาที่หากมองจากหมู่บ้านผาฮี้ าก็จะเห็นร่องเขาตรงนี้แบบไกลๆ แต่ถ้าชมจากจุดชมวิวนี้จะมองได้ใกล้มากขึ้น ยิ่งมาเที่ยวในช่วงเช้าหรือหลังฝนตก มีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกสวยๆ พาดผ่านภูเขาได้แบบสวยงาม

วัดร่องเสือเต้น

สูดอากาศบริสุทธิ์บนดอยจนอิ่ม กลับเข้าเมือง เพื่อมาชมความงดงามในเรื่องศิลปะของเชียงรายกันต่อ ที่  วัดร่องเสือเต้น  ไฮไลต์ที่สำคัญอยู่ที่พระอุโบสถสีน้ำเงินที่สร้างขึ้น ด้วยศิลปะแบบไทยประยุกต์ที่มีศิลปะที่มีความสวยงดงามแปลกตาจากฝีมือการรังสรรค์ของ นายพุทธา  กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นศิลปะประยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ใช้เฉดสีเป็นสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทอง ลวดลายต่างๆ ที่พริ้วไหว โดยเฉพาะประติมากรรมบันไดพญานาคที่ใช้เฉดสีเดียวกันนั้นมีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด  

เมื่อเข้าไปยังวัดร่องเสือเต้น ต้องตื่นตาตื่นใจไปความสวยงามของวัด ที่มีความแตกต่างจากรูปแบบการสร้างวัดทั่วๆ ไปเริ่มตั้งแต่ด้านหน้าวัดมีซุ้มประตูวัดสุดอลังการ ที่สร้างเป็นพญานาคท้าวมุจลินทร์ และปู่ศรีสุทโธ 

ถัดเข้าเป็นวงเวียน ที่จัดสร้างเป็นพระอุปคุต พระอัครสาวกของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะเข้าไปยังวิหารวัด ที่มีความสวยงามอลังการณ์ด้วยงานประติมากรรมพุทธศิลป์ร่วมสมัย

พระวิหารแห่งนี้ให้นิยามว่าเป็นทิพยสถาน คือ เป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าทั้งในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิ และปัญญาตามมา มีประติมากรรมบันไดพญานาคที่ใช้เฉดสีเดียวกันนั้นมีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงเขี้ยวของพญานาคมีความพลิ้วไหวอ่อนช้อย  

ภายในวิหารมีผลงานจิตรกรรมภาพวาดฝาพนังเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ โดยใช้เฉดสีน้ำเงินฟ้ามีลวดลายที่อ่อนช้อยงดงาม มีพระประธานสีขาว สูง 6.50 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร ชื่อว่า “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” โดยมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังได้รับพระราชทานนามพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ที่หมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก”

นอกจากนั้นด้านหลังวิหารมีพระพุทธรูปสีขาวปางห้ามญาติองค์ใหญ่ประดิษฐานตรงด้านหลัง ถัดไปคือ  “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” มีความสูง 20 เมตร โดยยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงฆปรินายก  วัดร่องเสือเต้น งดงามด้วยพุทธศิลปร่วมสมัยที่มีความสวยงาม โดดเด่นในแบบเฉพาะตัว เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาสำคัญของจังหวัดเชียงราย

วัดห้วยปลากั้ง 

วัดห้วยปลากั้ง  เป็นอีกวัดหนึ่งของจังหวัดเชียงรายที่สวยงามตั้งอยู่บนเขา และมีเนินเขารายรอบวัดสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ คือ ” พบโชคธรรมเจดีย์”   รูปทรงแปลกตาลักษณะเป็นทรงแหลมผสมผสานระหว่างศิลปะจีนและล้านนา หลังคาสีแดงมีรูปปั้นมังกรทอดยาวทั้งสองข้างบันได  ภายในเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปและพระอรหันต์ต่างๆ และเป็นที่ประดิษฐาน เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้จันทร์หอมองค์ใหญ่ รวมทั้งรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีขาวองค์ใหญ่ และโบสถ์สีขาวที่งดงามด้วยลวดลายปูนปั้นสุดอลังการ  

 พบโชคธรรมเจดีย์ มีรูปปั้นมังกรคู่คอยปกปักษ์อยู่หน้าเจดีย์ เป็นมุมถ่ายรูปอันซีนเชียงรายที่ใครต่อใครมาก็ต้องแวะมาถ่ายภาพ สาเหตุที่เจดีย์ 9 ชั้น มีชื่อว่า พบโชคธรรมเจดีย์  เนื่องด้วยวัดห้วยปลากั้งแห่งนี้เป็นวัดร้างมาตั้งแต่โบราณกาล ไม่ทราบประวัติการสร้างแน่ชัด ต่อมาพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส ได้บูรณะและก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นจำนวนมาก จึงกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงรายอีกครั้ง

ภายในพบโชคธรรมเจดีย์มีทั้งหมด 9 ชั้น  ล้อมรอบด้วยเจดีย์เล็กๆ 12 ราศี  ชั้นแรกมีองค์เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรที่มีขนาดใหญ่ แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมที่นำมาจาก ประเทศจีน อินเดีย พม่า ชั้น 2 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับยืน ชั้น 3 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับนั่ง ชั้น 4 หลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลอง ชั้น 5 เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือชั้น 6 หลวงปู่โต พรหมรังสี และหลวงปู่ทวด ชั้น 7 พระพุทธรูปปางนาคปรก ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงห์ ปกป้องคุ้มครองปฐพี ชั้น 8 พระสังกัจจายน์หรือพระศรีอริยเมตไตรย เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ประทานทรัพย์ ประทานพร ชั้น 9 พระอิศวร

ถัดจากพบโชคเจดีย์ คือ พระอุโบสถสีขาวที่ทางขึ้นเป็นบันไดนาค อลังการลวดลายปูนปั้นทั้งหลัง ภายในประดิษฐานองค์พระประทานสีขาวและยังมีลวดลายปูนปั้นบริเวณผนังที่งดงามไม่แพ้กัน

จากนั้นไปชม องค์เจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมีความสูงประมาณ 79 เมตร เทียบเท่ากับตึกสูง 25-26 ชั้น ตั้งอยู่บนเนินเขามองดูเด่นเป็นสง่า เชื่อกันว่าหากใครมาขอพรในเรื่องสุขภาพ การเงิน การงาน จะได้พรนั้นกลับไป ระหว่างทางเดินขึ้นไปสักการะเจ้าแม่กวนอิม จะพบการสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นอย่างดงามโดยเฉพาะรูปปั้นมังกรสีขาวตรงบันไดที่อ่อนช้อยงดงาม บรรยากาศเหมือนอยู่ประเทศจีน  ภายในองค์เจ้าแม่กวนอิมสามารถขึ้นไปเพื่อชมวิววัดห้วยปลากั้งจากมุมสูงได้ด้วยหากขึ้นข้างบนใช้ลิฟท์ไปชั้น 25 (ค่าขึ้นลิฟท์ คนละ 20 บาท) สามารถเดินชมความงามของวัด และเดินไปที่จุดชมวิว จะไปอยู่ที่ดวงตาของเจ้าแม่กวนอิม มองเห็นทิวทัศน์ของเชียงราย และยังเห็นตรงประตูมังกรทางเข้าวัด ด้านหน้าองค์เจ้าแม่กวนอิมใหญ่พอดี  เป็นอีกหนึ่งมุมไฮไลท์ที่ห้ามพลาดมาชม

 

สตรีทอาร์ตเชียงราย

ความโดดเด่นเรื่องความเป็นเมืองแห่งศิลปะของเชียงรายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เราแวะไปชม Steet art เชียงราย เป็นภาพวาดที่อยู่ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย 1 (ท่ารถเก่า)  ที่มีภาพวาดปรากฎอยู่บนผนัง กำแพง และเสา ที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเด่น วัฒนธรรมการแต่งกายของชนเผ่า รวมทั้งภาพวาดพระราชกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย” ภาพทั้งหมดนี้ สร้างความประทับใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มักจะเดินทางไปใช้บริการรถโดยสาร กลายเป็นสีสันและอีกหนึ่งจุดเช็คอินของเชียงราย ที่ไม่ควรพลาดมาชมและถ่ายภาพคู่กับ ภาพ Steet art ที่วาดได้อย่างสวยงามและเหมือนจริงมาก 

สำหรับสถานีขนส่งเชียงรายมี  2 แห่ง  คือ สถานีขนส่ง 2 ซึ่งเป็นสถานีแห่งใหม่ ตั้งอยู่ในนอกเมืองเชียงราย ส่วน  Steet art เชียงราย จะอยู่ภายในสถานีขนส่ง 1 ซึ่งอยู่ในตัวเมือง เพราะฉะนั้นหากปักหมุดโดยใช้ google ดูชื่อสถานีให้ถูกต้องต้องนะคะ เพราะอาจไปผิดได้ เมื่อมาถึงภายในสถานีขนส่งหากนำรถส่วนตัวมา สามารถนำรถไปจอดไว้ในอาคารจอดรถได้เลย จอดฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังจากนั้นเดินลงมาบริเวณอาคารผู้โดยสาร จะเจอกับภาพ Steet art กลุ่มแรกที่อยู่บนผนังทางเดิน ซึ่งเป็นภาพของสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเชียงราย รวมทั้งภาพของชนเผ่าต่างๆ

เริ่มจากภาพนี้ เป็นภาพของภูชี้ฟ้า เทศกาลบอลลูน นั่งช้าง  และสาวน้อยชาวไทยภูเขาเผ่าละหู่ จะว่าไปแล้วหน้าคล้ายน้องริชชี่ เหมือนกัน

ภาพถัดไปเป็นภาพที่น่ารักมาก ประทับใจรอยยิ้มที่เหมือนมีชีวิต ของคุณยายชาวไทยภูเขาชนเผ่าอาข่า เชียงราย ซึ่งน่าจะเป็นชนเผ่าที่มีมากที่สุด ในภาพยังมีภาพ วัดห้วยปลากั้ง บ้านดำ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย

ภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อที่เกี่ยวกับวัดและวัฒนธรรม ทั้งภาพวัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเจ้น ภาพท่านว วัชรเมธี  สามเหลี่ยมทองคำ  และศิลปะการฟ้อนรำแบบชาวล้านนา

ภายในอาคารผู้โดยสาร เต็มไปด้วยภาพวาด ทั้งบนผนัง และบนเสา ซึ่งเป็นภาพของแม่หญิงเชียงราย ที่แต่งกายด้วยชุดชนเผ่าทีแตกต่างกันไป

บริเวณเสาตรงจุดจอดรถ เป็นภาพวาดที่สัมพันธ์กันกับช่องที่รถจอด ถ้าเป็นจุดจอดรถของรถบัสแม่สาย เสาที่วาดจะเกี่ยวกับแม่สาย  แม่ขะจานก็จะเป็นเรื่องราวของอำเภอนี้ คือ วาดได้ดีมากๆ

ผนังตรงจุดนั่งรถรถเป็นเรื่องราวของเชียงราย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ภาพรสบัส รถตุ๊ก ๆ คือ มองแล้วเพลินตามาก ทำให้การไม่นั่งรถรถโดยสารเป็นเรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป

มาถึงภาพวาดพระราชกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย” ณ อาคารดาวน์ทาวน์บนผนังฝั่งทิศตะวันออก โดยมีขนาดความยาวภาพประมาณ 30 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร เป็นภาพสีที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาป่าไม้ที่เสื่อมโทรม และการปลูกพืชเสพติดไปสู่การปลูกป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์รวมทั้งพัฒนาผู้คนโดยเฉพาะการให้การศึกษาและพัฒนาอาชีพ

Steet art เชียงราย อีกหนึ่งสีสันสุดน่ารัก ที่เมื่อมาถึงในตัวเมืองหลังจากเที่ยววัดต่างๆ แล้ว สามารถแวะมาถ่ายรูปกับภาพวาดต่างๆ ที่วาดได้สวยงามและเหมือนจริงมาก

ป่าซางคาเฟ่

ก่อนกลับไปขึ้นเครื่องในช่วงค่ำ แวะไปนั่งชิล จิบเครื่องดื่มยังคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ที่ ป่าซาง คาเฟ่ ร้านกาแฟเล็ก ๆ เรียบง่ายแห่งบ้านนางแล ที่ใครได้มาต้องสัมผัสได้ถึงนิยาม ของคำว่า ‘น้อยแต่มาก’ เพราะแม้ว่าจะเป็นค่าเฟ่เล็ก ๆ แต่ร้านนี้ถูกออกแบบมาให้รับกับพื้นที่โล่งแจ้ง  ใช้การล้อมร้านด้วยบานเกล็ดไม้เพื่อให้แสงจากภายนอกส่องเข้ามาได้ มีการตกแต่งภายในให้ดูสบายตา พร้อมเสิร์ฟเมนูกาแฟสับปะรดเครื่องดื่มขึ้นชื่อ และอีกหลายเมนูที่ทำจากสับปะรดสดใหม่ทุกวัน เช่น น้ำสับปะรดคั้นสด  เค้ก ชีสเค้ก และทาร์ตสับปะรดซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน รับรองว่าใครได้กินแล้วก็จะต้องติดใจไปอีกนาน

ป่าซาง คาเฟ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเชียงราย ห่างจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 15 นาที ตัวร้าน 2 ชั้น ตั้งโดดเด่นกลางสนามหญ้า  ที่รอบด้านคือ ธรรมชาติแบบดั้งเดิม ออกแบบให้กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ ได้แรงบันดาลใจจากยุ้งข้าวล้านนาที่มีโครงสร้างขนาดกะทัดรัด ออกแบบให้ช่วงเสามีระยะห่างทุก 1 เมตร ทั้งหมด 12 ต้น   ซึ่งได้เเรงบันดาลใจมาจากเสาเรือนในท้องถิ่น เชื่อมเข้ากันด้วยตัวผนังบานเกล็ดไม้ เพื่อให้แสงจากภายนอกส่องเข้ามาในตัวร้าน

พื้นที่ชั้นสองเปิดโล่งมีดีไซน์ จุดเด่นอยู่ที่บานเกล็ดไม้เปิดให้แสงส่องเข้ามาภายในร้าน ถ่ายรูปออกมาจะให้ความรู้สึกของความมีแสงเงาเท่มาก จะเลือกนั่งแบบโต๊ะเก้าอี้ติดริมหน้าต่างบานเกล็ด หรือจะแบบโซฟาติดหน้าต่างที่เปิดโล่งมองเห็นวิวของต้นไม้ที่รายล้อมก็เข้าที่ เป็นการนั่งพักผ่อนแบบสบายและเป็นส่วนตัว

ในส่วนของเมนู ทางร้านเน้นนำสับปะรดนางแลและภูแลของดีประจำจังหวัดเชียงราย และต้นกำเนิดอยู่ที่หมู่บ้านป่าซางมาเป็นส่วนประกอบในขนมหวานและเครื่องดื่มอย่างลงตัว  ตั้งแต่เมนูซิกเนอร์เจอร์ กาแฟสับปะรด ได้กลิ่นหอมของกาแฟและรสชาติเปรี้ยวหวานของสับปะรด ดื่มแล้วสดชื่น เสิร์ฟพร้อมกับสับปะรดภูแลจิ้มเกลือ เท่ากับว่าได้ทานสับปะรดแบบสดๆ ไปด้วย ส่วนของหวานชีสเค้ก อีกหนึ่งเมนูแนะนำที่มีส่วนผสมของสับปะรดด้วย เมนูนี้ได้กลิ่นหอมของชีสและความเปรี้ยวของสับปะรดที่ช่วยตัดรสชาติหวานได้อย่างลงตัว   

มองหาที่นั่งพักผ่อน ทอดอารมณ์ นั่งเล่นได้แบบเรื่อยๆ  เรายกให้ ป่าซาง คาเฟ่  มาในอันดับต้น และด้วยโลเคชั่นของร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเชียงราย ระหว่างรอขึ้นเครื่องสามารถมานั่งเล่นรอเวลาที่ร้านได้

ป่าซาง คาเฟ่

พิกัด:  279 หมู่ 10 ถนนพหลโยธิน หมู่บ้านป่าซางวิวัฒน์ ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 57100

เปิดให้บริการ: วันจันทร์ – วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 18.00 น.

เบอร์โทรศัพท์ : 063 783 3388

หากชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย  มาชมวิวบนดอยสวยแบบสบายตา และในอีกมุม ยังสามารถเข้าถึงความงดงามของศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ มาเที่ยวเชียงราย คือ คำตอบของคนที่อยากมาสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ 

Tags : , , ,

ดูเนื้อหาต้นฉบับ

ที่มา : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A23%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%992%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99
ขอขอบคุณ : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A23%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%992%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99

เรื่องที่เกี่ยวข้อง



บัตรกดเงินสด ซิตี้ เรดดี้เครดิต

บัตรเครดิต ซิตี้ ลาซาด้า

บัตรเครดิตซิตี้ แกร็บ

บัตรเครดิต ซิตี้ แคชแบ็ก แพลตตินั่ม

บัตรเครดิต ซิตี้ รีวอร์ด