หากพูดถึงย่านเก่าแก่ในกรุงเทพ ที่เหมาะจะไปเดินถ่ายภาพชิค ชิล มีหลากหลายแห่ง หนึ่งในนั่น คือ ตลาดน้อย เป็นย่านการค้าเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่เกิดจากการขยายตัวทางการค้าของสำเพ็งในช่วงตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีนเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยความเก่าแก่ของบ้านเรือน รวมถึงมีการเพนท์ภาพน่ารักตามกำแพงบ้านและตรอกซอกซอย ทำให้ ตลาดน้อย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขวัญใจวัยรุ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบบ้านเรือนโบราณเก่าแก่และอยากมาสัมผัสบรรยากาศของความเป็นวิถีชีวิตแบบชุมชนจีนดั้งเดิม
Hong Sieng Kong
เริ่มกันที่จุดหมายแรก ดื่มด่ำกลิ่นอายของความเป็นชุมชนเก่าแก่ย่านตลาดน้อย เจริญกรุง พร้อมไปกับการนั่งคาเฟ่ที่เก่าเก๋เปิดใหม่ล่าสุด Hong Sieng Kong หรือ ฮงเซียงกง ตั้งอยู่ภายในตลาดน้อยติดริมน้ำเจ้าน้ำพระยา ตกแต่งแบบจีนโบราณ ที่ดัดแปลงมาจากบ้านหลังเก่าโดยยังคงโครงสร้างเก่าและรายละเอียดต่างๆ ของบ้านไว้ ทั้งผนังปูนที่เผยให้เห็นลวดลายอิฐ มีความแปลกตาด้วยรากไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมผนัง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของตกแต่งข้าวของเครื่องใช้แบบจีนโบราณ ช่วงนี้ทางร้านเน้นขายเครื่องดื่ม เบเกอรี่ รสชาติดี รวมทั้งการบริการที่น่ารักเป็นกันเองของพนักงาน ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้น่าจดใจยิ่งขึ้น
Hong Sieng Kong ตั้งอยู่ภายในตลาดน้อยฝั่งซอยวานิช 2 ติดกับศาลเจ้าโจวซือกง การเดินทางไปมายังร้าน การเดินทางนั่ง รถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีหัวลำโพงทางออกประตู 1 จากนั้นเดินมาประมาณ 800 เมตร หรือจะนั่งรถมอเตอร์ไซต์มาก็ได้ หากใช้รถส่วนตัวขับรถตรงเข้าไปในซอยวานิช 2 ทางจะแคบหน่อยแต่รถขับเข้าไปได้ค่ะ ตลอดสองฝั่งทางผ่านบ้านเรือน ขับไปเกือบสุดซอยจะผ่านร้านก่อนและเจอศาลเจ้า นำรถไปจอดได้ที่ลานจอดรถของศาลเจ้าโจวซือกง ค่าจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท จุดนี้สะดวกมากเดินไปที่ร้านไม่ถึง 20 ก้าว เพราะตั้งยู่ติดกัน อีกหนึ่งจุด คือ วัดปทุมคงคา อยู่ติดกับซอยวานิช 2 ค่าจอดรถชั่วโมงแรก 20 บาท ชั่วโมงต่อไป 10 บาท จอดที่วัดต้องเดินจากปากซอยวานิช 2 ไปยังร้านอีกประมาณ 300 เมตร ถ้าใครไม่อยากเดินเยอะก็ไปจอดที่ศาลเจ้า ตัวร้านเป็นตึกสีน้ำเงินบ้านหลังนี้ก่อสร้างโดยช่างจีน การเข้าไม้ลิ่ม คานแบบจีนโบราณ ซึ่งยังคงสภาพที่สวยและสมบูรณ์ ด้านหน้าหน้ามีตั่งนั่งแบบจีนรวมถึงเก้าอี้ทรงสูงติดกำแพงปูนเก่า ที่เผยให้เห็นผิวปูนลายลอกของสีบ้านเดิม
ภายในร้านกว้างมากแบ่งเป็น 3 โซน โซนแรกเป็นส่วนของห้องแอร์ ที่นั่งเป็นแบบเก้าอี้ไม้ บริวเณผนังประดับด้วยแผ่นไม้ที่เขียนด้วยตัวอักษรจีน ในส่วนของเมนูช่วงนี้มีเฉพาะเครื่องดื่ม เค้ก เบเกอรี่ มีให้เลือกเยอะพอสมควร เราสั่งกาแฟมะพร้าว รสชาติดีมาก ปรุงชอตกาแฟไม่เข้มจนเกินไปทำให้ได้รสชาติของน้ำมะพร้าวได้แบบลงตัว เคยสั่งเมนูนี้หลายร้านส่วนใหญ่ปรุงกาแฟเข้มมากทำให้กลิ่นหอมของความเป็นน้ำมะพร้าวหายไป ส่วนขนมสั่ง Raspberry tartlet อร่อยเช่นกัน เนื้อขนมนุ่นหอมชีส โรยหน้าด้วย Raspberry เยอะมาก ความเปรี้ยวของผลไม้ช่วยตัดความหวานของขนมได้ดีทีเดียว แถมตกแต่งจานอย่างพิถีพิถันสวยงาม โรยด้วยผงโกโก้เป็นชื่อร้าน
เดินผ่านโซนแรกมายังโซนต่อไป เป็นแบบโอเพ่นแอร์ กว้างขวางสูงโปร่ง โดดเด่นด้วยบันไดไม้วนไปยังชั้นสอง โซนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงเตี๊ยมแบบจีน และพิพิธภัณฑ์ของเก่าโบราณ ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจกับของเก่าแบบจีนที่ประดับอยู่มากมาย อายุตั้งแต่ 60-500 ปี ทั้งตู้ยาโบราณ เก้าอี้นั่ง ตู้ลิ้นชัก โคมไฟโบราณ รูปปั้นเทพเจ้าจีน ชอบกำแพงอิฐมาก นอกจากสวยงามด้วยรากไม้ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมแล้ว ยังมีการเว้นเป็นช่องทางเดินแบบเก๋ๆ ด้วย
โซนต่อไป คือ ริมน้ำเจ้าพระยา บริเวณนี้ มีที่นั่งหลายจุดเช่นกัน มีลมธรรมชาติจากแม่น้ำพัดเข้ามารู้สึกเย็นสบาย และมีมุมไฮไลท์ คือ ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมบริเวณกำแพง มีการจัดที่นั่งไม้ตั้งอยู่รอบกำแพงให้นั่งชิล และโพสต์ท่าสวยหลายมุม รวมทั้งมุมชิคกำแพงสีขาวที่ทำลวดลายเป็นช่องแสงสี่เหลี่ยม พร้อมเก้าอี้นั่งสองตัว Hong Sieng Kong คาเฟ่ในย่านตลาดน้อย ทไม่เพียงแต่จะได้มีความสุขไปกับการได้จิบเครื่องดื่มทานขนม ในบ้านโบราณที่นำมาปรับปรุงใหม่กลมกลืนไปกับชุมชนได้อย่างมีสไตล์ แต่ยังได้ชมของสะสมเก่าแก่โบราณล้ำค่าที่เจ้าของสะสมมาด้วยใจรักอีกด้วย
Hong Sieng Kong
ที่อยู่ : 734-736 ถนนวานิช 2 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
เปิดให้บริการ : 10:00-18:00 (ปิดวันจันทร์)
โทร : 095 998 9895
Facebook : HongSiengKong
จากจุดหมายแรกเดิน เดินเข้าซอยเล็กข้างศาลเจ้าโจวซือกงศาลเจ้า เพื่อไปยังจุดอื่นในตลาดน้อย มาเจอชื่อ ป้ายชื่อตลาดน้อย เดินไปอีกนิดจะพบแผนที่จุดท่องเที่ยวตลาดน้อย ที่เพนท์บนกำแพง สำหรับการเดินเที่ยวตลาดน้อย ระยะทางไม่ไกลมาก เดินตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ผ่านบ้านเรือนของคนในชุมชน แวะถ่ายภาพยังร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง ภาพเพนท์กำแพง ได้เห็นรอยยิ้ม คำทักทายที่เป็นมิตร สร้างความสุขในการเที่ยวชมได้มากเลยทีเดียว หากหาพิกัดไหนไม่เจอ สอบถามาชาวบ้านในชุมชนได้เลยค่ะ ทุกคนพร้อมตอบและช่วยเหลือเต็มที่
แชะภาพคู่ รถเต่าสุดเก๋า
ผ่านภาพแผนที่มาเจอรถเต่าสีส้ม สุดเก๋า จอดประจำอยู่ริมกำแพงอิฐเก่า ที่กลายเป็นจุดแลนด์มาร์คถ่ายรูปแห่งตลาดน้อยที่หลายคนต้องแชะภาพ
บ้านโซวเฮ่งไถ่ คฤหาสน์เก่าแก่อายุกว่า 250 ปี
จากมุมรถเต่า เดินมาถึง บ้านโซวเฮ่งไถ่ ต้องสะดุดตากับบ้านสไตล์จีนเก่าแก่หลังหนึ่งที่โดดเด่นในย่านตลาดน้อย บ้าน โซว เฮง ไถ่ เป็นคฤหาสน์เก๋งจีนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักอาศัยของเจ้าสัวสอน(หลวงอภัยวานิช) คหบดีชาวจีนคนสำคัญของชาวชุมชนตลาดน้อยนั่นเอง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบฮกเกี้ยน เป็นหนึ่งในเก๋งจีนที่โอ่อ่าที่สุดในยุคเริ่มกรุงรัตนโกสินทร์
ผังบ้านผสมรูปแบบ “ซื่อเหอหยวน” หรือ “สี่เรือนล้อมลาน” มีอาคาร 4 ด้านล้อมลานหินกว้าง ด้านหน้าเป็นซุ้มประตูทางเข้า ด้านหลังเป็นเรือนประธาน ที่เก็บป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ เข้ากับลักษณะเรือน 2 ชั้น และพื้นชานยกระดับแบบไทย การก่อสร้างทั้งหมดเป็นแบบโบราณที่ไม่ใช้ตะปู แต่ใช้ไม้แกะสลักในการประกอบทั้งหมด บริเวณตรงกลางเป็นลานซึ่งมีสระว่ายน้ำซึ่งปัจจุบันทำเป็นที่าอนดำน้ำด้วย แต่ตอนนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด เลยหยุดให้บริการในส่วนขอโรงเรียนสอนดำน้ำ
มีมุมที่นั่งเล็กๆ บริเวณชั้น 2 และชั้นล่าง ให้ได้นั่งพักจิบเครื่องดื่ม ตัวบ้านในปัจจุบันค่อนข้างโทรมซักเล็กน้อย ค่อนข้างปล่อยให้ร้างไปพอสมควร ต่างจากในช่วงแรกที่เคยมาเที่ยวที่บ้านหลังนี้ เลยจิบเครื่องดื่มแล้วรีบไปต่อ
Mother Roaster
ต่อด้วยอีกหนึ่งร้านชื่อดังใน ย่านตลาดน้อย Mother Roaster ที่ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งคาเฟ่สุดเก๋า ร้านนี้แต่ก่อนนั้นตั้งอยู่ที่อื่นแต่เป็นที่รู้จักกันดีเพราะชื่อเสียงของบาริสต้าคุณยายพิณ คุณป้าวัยเก๋าแทนที่จะเป็นวัยรุ่น หรือวัยกลางคน ชื่อคุณยายทั้งคั่ว บด ดริฟเองกับมือ จนทุกคนติดใจ จากนั้นจึงได้ย้ายร้านมาตั้งในชุมชนตลาดน้อย และได้ขยายสาขาไปที่ประตูผีด้วยหากใครต้องการเจอคุณยายพิณแนะนำให้ไปสาขาประตูผี ส่วนสาขานี้จะเป็นทีมลูกๆทำ รสชาติอร่อยไม่แพ้กัน
ตัวร้านตั้งอมีสองชั้นชั้นล่างเป็นปูน ส่วนชั้นบนเป็นโครงสร้างไม้ ผนังกำแพงหน้าร้านมีลวดลายเพนท์การตูนน่ารัก ที่การเป็นมุมซิเนเจอร์ของร้าน และตลาดน้อย
ก่อนจะเข้าไปยังส่วนของร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ชั้น 2 ต้องเดินผ่านกองอะไหล่เหล็ก และของเก่าแก่ที่วางไว้ มุมนี้อาจทำให้ตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็น แต่ถ้ามองอีกมุมถือว่าเป็นกิมมิคเก๋ ๆ และเอกลักษณ์ของทางร้านไปเสียแล้ว
ผ่านกองอะไหล่เหล็กมาถึงชั้นสอง ซึ่งเป็นส่วนของคาเฟ่ จะเป็นอีกบรรยากาศที่แตกต่างจากภาพชั้นล่างที่ได้เห็น สวยงามและน่านั่งมาก ในส่วนของพื้นที่เอาท์ดอนริมระเบียงข้างน้อย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบวินเทจ มีมุมสีเขียวเล็กๆจากต้นไม้แขวนที่ประดับไว้
ภายในร้านเป็นแบบห้องแอร์ โครงสร้างไม้จากอาคารเดิม ดีไซน์สไตล์วินเทจ ได้แสงไฟจากโคมไฟสีส้มสลัว สะท้อนความคลาสสิก และมีมุม slow bar ที่ต้องยอมรับทั้งเรื่องคุณภาพรสชาติและวัตถุดิบ เพราะทางร้านคัดสรรเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีมาให้เลือกกว่า 30 แบบ รังสรรค์เป็นเมนูกาแฟรสชาติกลมกล่อม
นอกจากนี้ยังมีมุมศิลปะที่ผสมความโมเดิร์นนิดๆเข้าไปด้วย กลายเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ
ในส่วนของเครื่องดื้ม สั่งกาแฟมะนาวมาทาน รสชาติดีมาก ได้กลินหอมและความเปรี้ยของมะนาวแบบเต็มๆ สดชื่น
Mother Roaster
พิกัด 1172 ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ กทม 10100
เปิดให้บริการ 10.00 น. – 18.00 น.
Facebook Mother Roaster
ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก
จากร้าน Mother Roaster เดินมาเรื่อยๆ มาถึงอีกมุมไฮไลท์ของตลาดน้อย ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก เป็นตรอกเล็กๆ ในซอยวานิช 2 ซอยนี้จะเต็มไปด้วยเพนท์ สีสันสดใส รวมถึงภาพถ่ายที่ชนะเลิศการประกวดถ่ายภาพตลาดน้อย
นอกจากศาลซอยในตรอกศาลเจ้าโรงเกือกแล้ว ระหว่างทางยังมีภาพเพนท์ตามตรอกซอกซอยต่างๆ
Patina Bangkok
มาจบที่คาเฟ่สุดท้าย Patina Bangkok คาเฟ่ลับย่านตลาดน้อยที่ซ่อนตัวในบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี สะท้อนกลิ่นอายวินเทจแบบไทยและจีนผสมกันได้ลงตัว เอกลักษณ์ของร้าน คือ ผนังกำแพงและเสาบ้านที่เผยให้เห็นพื้นผิวปูนและสีเดิมที่ลอกหลุด กลายลวดลายประติมากรรมแห่งกาลเวลาที่สวยเท่ ที่นี่เปิดให้บริการคาเฟ่นั่งชิลและมุมสโลวบาร์ โดยคัดสรรเมล็ดกาแฟไทยเบลนด์กับเมล็ดกาแฟบราซิล รวมทั้งเครื่องดื่มอิตาเลี่ยนโซดาที่ทำจากไซรัปโฮมเมด และสำหรับสายถ่ายภาพมีมุมชิคกับอาคารและผนังกำแพง ให้ได้เก็บภาพสไตล์ฮิปถูกใจกันเลยทีเดียว
พิกัดร้านตั้งอยู่ภายในตลาดน้อย ตรงข้ามกับซอยศาลเจ้าพ่อโรงเกือก ต้องสังเกตุหน้าร้านนิดหนึ่ง เพราะประตูร้านจะเปิดแง้มนิดเดียว ไม่มีป้ายร้านบอกชัดเจน หากเดินผ่านจะไม่รู้เลยว่าเป็นร้านกาแฟ เดิมบ้านหลัง มีชื่อว่า บ้านรัชต์บริรักษ์ เป็นเรือนแถวสถาปัตยกรรมจีนที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน ภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น บ้านเหลียวแล และนำมาปรับโฉมเป็นร้านกาแฟ โดยตัวร้านแบ่งเป็นสัดส่วน และยังคงโครงสร้างอาคารเดิมเอาไว้ทั้งหมด ทั้งประตูทรงโค้งสไตล์จีน บล็อกอิฐลายจีนและหลังคาจั่ว พื้นที่ในส่วนแรก คือ เคาน์เตอร์บาร์กาแฟแบบร่วมสมัย เสริมด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจทั้งโต๊ะและเก้าอี้ไม้ ประดับด้วยภาพถ่ายวิวทิวทัศน์หลายภาพเพิ่มสีสันบริเวณผนังเก่าให้มีชีวิตชีวาขึ้น
เดินผ่านโซนหน้าร้านจะเจอพื้นที่กลางแจ้งขนาบด้วยตึกเก่า ด้านบนเป็นช่องว่างให้แสงส่องลงมา มองไปมุมไหนก็เห็นพื้นผิวของผนัง รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์เก่า ที่สีหลุดลอกไปตามกาลเวลา กลายเป็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ ตรงกลางมีเก้าอี้ทรงสูงวางไว้ริมกำแพงให้โพสต์ท่าถ่ายรูป กลายเป็นมุมซิกเนเจอร์ที่ต้องมาแชะภาพโพสต์ลงไอจีรัวๆ
เดินเข้าไปด้านในอีกมุม จัดเป็นพื้นที่นั่งเล็กๆ ริมหน้าต่างที่ค่อนข้างหลบมุมแบบส่วนตัว สั่งเมนูลิ้นจี่กุหลาบรสเปรี้ยวหวาน ได้กลิ่นหอมของกุหลาบ และความซ่าของโซดา ช่วยเติมความสดชื่นได้ดีเลยทีเดียว จากจุดนี้มีช่องประตูกลมเมื่อเดินออกไปจะเจอพื้นที่โล่งหลังบ้าน ค่อนข้างโปร่งและมีการจัดโต๊ะ เก้าอี้ แนบชิดริมกำแพงให้ได้นั่งเล่นเช่นกัน อยากย้อนเวลามานั่งจิบเครื่องดื่ม สัมผัสเสน่ห์ของความเก่าในแบบเก๋า พร้อมไปกับแชะภาพในมุมโปรด ลองมาที่ร้าน Patina Bangkok ตลาดน้อย
Patina Bangkok
พิกัด: 965 ซอยวานิช 2 สัมพันธวงศ์ กทม 10100 มีที่จอดรถ (ซอยเจริญกรุง 22 ชั่วโมงละ 30 บาท)
เปิดให้บริการ: 09.00 น. – 17.00 น.
Facebook Patina Bangkok
1 วัน เบาๆ ในย่านตลาดน้อย ชุมชนเก่าที่แทรกตัวอยู่กลางเมืองใหญ่ ถึงแม้ปัจจุบันภาพความรุ่งเรืองในอดีตของตลาดน้อยจะจางหายไป แต่เรื่องราวนั้นยังคงปรากฎร่องรอยหลงเหลืออยู่ ผ่านสิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย มาสัมผัสวิถีชุมชนเสพงานศิลป์ ถ่ายภาพฮิบ ฮิบ ลองมาเดินเล่นที่ ตลาดน้อย
รายละเอียดเพิ่มเติม
สำหรับการเดินทางมายังตลาดน้อย สามารถเดินทางเข้าได้ 2 ทาง คือ ทางฝั่งซอยวานิช 2 และซอยเจริญกรุง 22
ทางฝั่งซอยวานิช 2
ฝั่งนี้เหมาะสำหรับคนที่มีรถส่วนตัวเพราะที่จอดรถค่อนข้างสะดวก มีที่จอดรถใกล้ตลาด 2 จุด ที่สามารถจอดรถแล้วเดินเที่ยวยังจุดต่างๆ โดยที่ไม่ต้องเดินจากจุดจอดรถไกลมาก จุดจอดรถแรก ศาลเจ้าโจวซือกง โดยขับรถตรงเข้าไปในซอยวานิช 2 ทางจะแคบหน่อยแต่รถขับเข้าไปได้ค่ะ ตลอดสองฝั่งทางผ่านบ้านเรือน ขับไปเกือบสุดซอยจะผ่านร้านก่อนและเจอศาลเจ้า นำรถไปจอดได้ที่ลานจอดรถของศาลเจ้าโจวซือกง ค่าจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท
อีกหนึ่งจุด คือ วัดปทุมคงคา อยู่ติดกับซอยวานิช 2 ค่าจอดรถชั่วโมงแรก 20 บาท ชั่วโมงต่อไป 10 บาท
การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีหัวลำโพงทางออกประตู 1 จากนั้นเดินมาประมาณ 800 เมตร หรือจะนั่งรถมอเตอร์ไซต์มาก็ได้
ซอยเจริญกรุง 22
นำรถส่วนตัวมาสามารถจอดรถในซอยเจริญกรุง 22 จุดจอดรถตลาดน้อยชั่วโมงละ 30 บาท แนะนำสำหรับคนที่นำรถส่วนตัวไปจอดทางฝั่งซอยวานิช 2 ที่จอดรถเยอะและสะดวกกว่า
การเดินทางไปตลาดน้อยซอยเจริญกรุง 22 สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง
รถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานีหัวลำโพงจากนั้น ต่อรถแท็กซี่มาที่ซอยเจริญกรุง 22 (ใช้เวลาเดินทางไปไม่ถึง 15 นาที)
รถไฟฟ้า bts ลงสถานีวงเวียนใหญ่ จากนั้นต่อรถสาธารณะมาที่ซอยเจริญกรุง 22
รถประจำทาง สาย 1 , 35 ,75 ลงตลาดน้อย สาย 36, 93 ลงสี่พระยาเดินมาอีกนิด
ติดตามไปด้วยกัน
Tags : คาเฟ่ตลาดน้อย, ตลาดน้อย
-
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูเนื้อหาต้นฉบับ
ที่มา : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2
ขอขอบคุณ : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2