หนีกรุงและความเจริญของเทคโนโลยี ไปสัมผัสวิถีชีวิตในโฮมสเตย์บนดอย พร้อมชมวิวภูเขาและสายหมอกได้จากระเบียงที่พัก บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ที่จะทำให้เราเข้าถึงการใช้ชีวิตที่ยังไม่ได้ปรุงแต่งมากนัก สถานที่ที่จะทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นคนรู้จัก ได้เปิดใจพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน พาใจที่พร้อมจะละทิ้งความสะดวกสบายกันชั่วคราว เตรียมไปใช้ชีวิตติดดินบนดอยกัน
บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ตั้งอยู่ในตำบลแก่งกี๊ด อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับการเดินทางมา สามารถนำรถส่วนตัวมาจอดไว้ยังจุดจอดรถ แล้วใช้บริการรถจากที่พักของโฮมสเตย์ให้มารับ โดยสามารถจอดรถไว้ที่ร้านช้างยิ้ม ค่าจอดรถคันละ 50 บาท เส้นทางขึ้นไปยังห้วยกุ๊บกั๊บจากปากทางขึ้น ระยะทาง 4 กม. ซึ่งเป็นทางออฟโรด ขรุขระแคบชัน รถสวนไม่ได้ เพราะฉะนั้นใครไม่ใช่สายออฟโรด หรือถึงจะใช่ก็แนะนำให้ใช้บริการรถของทางโฮมสเตย์จะดีกว่าค่ะ รถทางโฮมสเตย์ส่วนใหญ่มารับ 2 รอบ คือ บ่ายสองโมงกับบ่ายสาม
นั่งรถโยกไปมาประมาณ 30 นาที ก็มาถึงบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ หมู่บ้านของชาวไทยภูเขาที่ยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม บรรยากาศภายในหมู่บ้านถนนเป็นดินแดงลาดชัน มีถนนคอนกรีตบ้างบางช่วง บ้านเรือนเป็นบ้านไม้และบ้านไม้ไผ่ยกสูงบนเนินเขาลดหลั่นกันไป และยังคงใช้ฟืนในการประกอบอาหารหุงต้ม ที่นี่ไฟฟ้ามีให้ใช้ในช่วงเย็นถึงเช้า น้ำไม่ค่อยไหลหรือมาเป็นช่วง สัญญาณโทรศัพท์อ่อนมากทุกค่าย บางค่ายไม่มี เราใช้ AIS มีคลื่นบ้างแต่น้อยมาก จะโพสต์หรือเล่นอินเตอร์เน็ตช้ามากจนถึงเข้าไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นละทิ้งสังคมโซเชี่ยลไปได้ หากใครติดหรู รักความสบาย อยู่แบบน้ำไม่ไหล ใช้ห้องน้ำรวม หรือขาดสัญญาณไม่ได้ ไม่แนะนำค่ะ แต่ถ้าใครชอบความดิบ ความเป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง ชอบนั่งมองวิวภูเขา แพคกระเป๋ามาได้เลย
ในหมู่บ้าน มีร้านขายของชำ 2 ร้าน สำหรับใครอยากกินหมูกระทะ ทางโฮมสเตย์ไม่มีชุดหมูกระทะขายแต่มีอุปกรณ์ให้ใช้ มาซื้อวัตถุดิบในร้านขายของได้เลยมีครบ แต่ถ้าจะเตรียมมาเองก็ได้ค่ะ
บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ มีโฮมสเตย์ให้บริการหลายแห่ง เราเลือกพักที่ อาบูดายา โฮมสเตย์ ซึ่งตอนนี้มีบ้านพักโซนใหม่ คือ บ้านสานฝัน ปัจจุบันเป็นบ้านพักที่มีห้องส่วนตัวเป็นสัดส่วน และมีห้องน้ำในตัวเพียงแห่งเดียวของโฮมสเตย์ในหมู่บ้านนี้ เราเลยเลือกพักที่นี่ ราคาคิดเป็นห้อง คืนละ 1500 บาท (รวมอาหารเช้า) ไม่รวมค่ารถรับส่งคนละ 200 บาท และอาหารเย็น สำหรับการติดต่อจองที่พัด เข้าไปในสอบถามในเพจของอาบูดายา ได้โดยตรงค่ะ
ที่พักเป็นไม้แบบเรือนแถวติดกัน อาจไม่เหมาะกับคนที่รักความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบเสียงดัง เพราะไม่ว่าจะทำอะไร พูดเสียงดังเบา ได้ยินทั้งหมด เพราะเป็นบ้านไม้ ไม่เก็บเสียงแม้แต่นิดเดียว โฮมสเตย์ที่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บเกือบทุกแห่ง เป็นห้องแบบนี้ทั้งหมด ทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน ถึงแม้ห้องจะแยกกันแต่ก็เหมือนอยู่บ้านเดียวกัน
โซนนี้ คือ บ้านหลังเดิมของอาบูดายาห้องพักเรือนแถวแบบติดกัน ห้องหนึ่งพักได้หลายท่าน ใช้ห้องน้ำรวมที่อยู่ข้างล่าง ส่วนระเบียงชมวิวอันเดิมที่ยาวๆ ตอนนี้ทำใหม่เป็นแบบนี้แทนค่ะ กว้างขวางรองรับคนได้มากขึ้น ลานตรงนี้อนุญาติให้กางเต๊นท์ได้ด้วยเห็นมีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์อยู่
ระเบียงชมวิวของบ้านสานฝัน กว้างขวางมองเห็นวิวภูเขาอยู่เบื้องหน้าสวยงาม มีกองไฟตรงกลางไว้จุดไฟนั่งคุยในยามค่ำ บ่ายสามแดดจะแรงหน่อย กิจกรรมของการอยู่ที่นี่ไปจนถึงเย็น ไม่เดินชมบรรยากาศหมูบ้าน ก็นั่งชมวิวอยู่ตรงที่พัก หากใครหิว ก็สั่งอาหารกับน้องที่ดูแลโฮมสเตย์ได้ อาหารเป็นแบบจานเดียวง่าย ๆ เช่นข้าวไข่เจียว กระเพราะ ผัดพริกแกง น้ำแข็ง น้ำเปล่า เครื่องดื่มมีขาย แต่ไม่มีหมูกระทะนะคะ อยากทานต้องเตรียมมาเอง หรือไปซื้อที่ร้านค้าของหมูบ้าน หากอยากทานอะไรพิเศษเตรียมมาเอง
ช่วงเย็นแดดเริ่มร่ม นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่ทั้งหมด ก็พร้อมใจกันนำเสื่อมาปูนั่ง นอนกันบริเวณลานระเบียงเพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตก เหมือนนั่งดูกลางแปลงมาก ถึงบอกว่ามาที่นี่ คนแปลกหน้าจะกลายเป็นคนรู้จักในทันที เพราะต้องอยู่ในพื้นที่เดียวกันแบบเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคนที่รักความเป็นส่วนตัวและไม่ชอบเสียงดังอย่างเรา เตรียมใจมาล่วงหน้าแล้วค่ะ มาเที่ยวที่ไหนต้องหาข้อมูลสถานที่นั้นก่อน เพราะฉะนั้นถ้าเจอเสียงดัง น้ำไม่ไหล ไฟมาเป็นบางช่วง ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเข้าใจ nature ของสถานที่ อีกอย่างบ้านพักไม่ได้มีกฎห้ามเสียงดังเกินเวลาด้วย แต่ถ้าไปสถานที่มี nature เงียบสงบส่วนตัว ตั้งใจมาเพื่อพักผ่อน มีกฎชัดเจน แล้วเจอเสียงดัง อาจไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ที่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ทุกคนจะได้รู้จักกัน อยู่ไปสักพักได้ทักทายพูดคุย เล่าเรื่องเที่ยว บรรยากาศก็สนุกและครื้นแครงได้เหมือนกันค่ะ โชคดีที่แขกที่มาพักในวันเดียวกัน อัธยาศัยดีทุกคน
น้องสองคนนี้พักห้องติดกัน และนั่งรถขากลับไปด้วยกัน ได้มีโอกาสพูดคุยถามไถ่ว่ามาจากไหน พอจะทราบได้ว่าน้องทั้งสองเป็นนักเดินทางตัวยงเลย ถามว่าจะไปไหนต่อจากนี้ ตอบว่ายังไม่รู้เลย ว่าจะไปไหน อาจไปน่าน คำตอบโดนใจเรามาก อารมณ์แบบทัวร์นกขมิ้น ค่ำไหนนอนไหน ไปตามที่ฉันพอใจ
ยามเย็น คือ ช่วงเวลาที่สวยงามอีกช่วงหนึ่งของที่นี่ค่ะ ทุกคนจะได้ชมวิวของพระอาทิตย์ตกและแสงสวยๆจากลานระเบียงหน้าบ้าน จะนั่งทานข้าว จิบเครื่องดื่ม นอนอยู่เฉยๆ อะไรก็ว่ากันไป
ชุดหมูกระทะของน้องที่มาพักอีกกลุ่มหนึ่ง เชื้อเชิญให้เรามาทานร่วมกัน กลุ่มนี้มากัน 3 คน บอกว่าเดินไปซื้อเนื้อ ผัก จากเซเว่นในหมู่บ้านมา น้องเรียกร้านขายของชำ ว่าเซเว่น “ผักสดมากพี่คิดดูยังมีคราบดินติดอยู่ที่ผักเลยสดมั้ยละ “ ความเมาท์ของน้องทำให้เราขำ แต่ผักคอนเฟิร์มว่าเขียวสดอวบน่าทานจริง เอามาห่อเนื้อหมูทานแบบเกาลีได้เลยค่ะ เห็นภาพชุดหมูกระทะจากเซเว่นดอย เป็นเรื่องเดียวที่เกินคาดหมายของบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ร้านค้าบนดอย มีของขายขนาดนี้เลยเหรอ เนื้อหมู เบคอน ไส้กรอก น้ำจิ้ม แบบครบชุด
เช้าแล้วทุกคนตื่นมาชมทะเลหมอกหน้าระเบียงโดยพร้อมเพรียงกัน ทะเลหมอกวันนี้ ค่อนข้างน้อยจะไม่ค่อยรวมตัวกันหนามาก เพราะฝนเพิ่งตกไปตอนตี 5 เลยจะกระจายตัวออกคล้ายหมอกฝนไป แต่ยังไงสำหรับเรา ก็เป็นความรู้สึกที่ชิลอยู่ดี น้องๆลากที่นอนของที่พักมานอนชมวิวหน้าระเบียง เราเลยได้อาศัยไปนั่งถ่ายรูปบิดขี้เกียจด้วย
ประมาณ 8 โมงกว่า หมอกเริ่มมามากขึ้น เริ่มเห็นแสงอาทิตย์มากขึ้น แต่ละคนก็วนเวียนเก็บภาพในมุมเดิม
ภาพของน้องสองคนนี้ มองแล้วได้ฟีลลิ่งของการมาเที่ยวธรรมชาติดี น้องยืนชมวิวอยู่ที่เดิมนิ่งๆ พูดคุยกัน แบบนี้อยู่นานมาก ดื่มด่ำบรรยากาศสุดๆ
อากาศเย็นในตอนเช้า เหมาะสำหรับการเดินออกมาชมวิวในหมู่บ้านสักหน่อย หลังจากเมื่อวานไม่ได้เดินออกมาเห็นภาพแล้ว ไม่รู้จะใช้คำไหนนอกจากว่า ยังดิบและยังเรียบง่ายมาก เป็นวิถีของคนบนดอยที่เราเคยเห็นเมื่อสิบปีก่อนตอนเริ่มเที่ยวใหม่ๆ และในปัจจุบันดอยเหล่านั้นความเจริญเริ่มเข้าถึง ถนนหนทางดี เราจึงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้ในปัจจุบัน แต่ได้มาเห็นที่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ อีกครั้ง ในอนาคตข้างหน้า ถ้ากลับมาที่นี่ หมู่บ้านนี้จะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง เพราะเริ่มมีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะมาก ที่พักถูกจองเต็มทุกแห่งเกือบทุกวัน ถึงจะดิบแต่ไม่ธรรมดา
เดินมานิดเดียวมาเจอที่พักสุดฮอตอีกแห่งหนึ่งของบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ชื่อว่า บ้านซุกกิ๊ก วิวสวยเลค่ะ อยู่ในระดับเดียวกับภูเขาและสายหมอก เหมือนเราอยู่ใกล้มาก ที่นี่มีที่พักทั้งแบบบ้านและเต้นท์ ห้องน้ำรวมทั้งหมด เราว่าเต้นท์วิวดีมากค่ะ แถมที่พักยังมีเก้าอี้นั่งแบบแคมป์ปิ้ง และไฟล์ชีทด้วย ได้ฟีลมาก ถามราคาคิดคนละ 650 บาท รวมอาหารเช้า เย็น และรถรับส่งแล้วค่ะ
วิวทะเลหมอกจากโซนกางเต้นท์ของบ้านซุกกิ๊ก มองเห็นทะเลหมอกใกล้มาก ที่นี่จะอยู่ในพื้นที่ต่ำกว่า อาบูดายา แต่วิวสวยไม่เบา อาบูดายา ถือว่าตั้งอยู่ในพื้นที่สูงสุด หากมองจากอาบูดายาจะเห็นเต้นท์ของบ้านซุกกิ๊กไม่ไกล
ติดกับบ้านซุกกิ๊ก คือ บ้านสวนแม่นาหมี วิวดีเหมือนกัน ไว้เป็นทางเลือก สำหรับคนที่สนใจมาเที่ยวบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ราคาส่วนใหญ่ เท่าท่าสอบถาม คือ คนละ 650 บาท รวมอาหารเช้า เย็น และรถรับส่ง บ้านพักที่เราพัก เป็นแบบห้องมีห้องน้ำในตัวราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่ในอนาคตเชื่อว่า ต้องมีโฮมสเตย์เกิดขึ้นอีกหลายแห่ง และสร้างสะดวกสบายขึ้นเพราะนักท่องเที่ยวเริ่มให้ความสนใจมาเที่ยวเยอะมาก
เดินสำรวจหมู่บ้านแล้ว กลับมาทานอาหารเช้า มีข้าวต้ม ไข่ต้ม กาแฟ โอวัลติน นั่งทานไปชมวิวไป แสงแดดเริ่มสาดส่องลงมากระทบกับสายหมอก ได้เวลา 9 โมง เก็บของเตรียมลงไปยังข้างล่าง รอบลงไปแล้วแต่ว่าจะลงไปพร้อมกลุ่มไหน เราเลือกลงไปรอบแรก คือ เวลา 9 โมง รอบนี้มี 3 กลุ่ม ที่ลงพร้อมกัน
บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ หมู่บ้านบนดอยที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ในเรื่องวิว เราอาจเห็นทะเลหมอกและวิวสวยๆมาเยอะ เลยอาจไม่ได้คิดว่าจะสวยกว่าที่อื่นมาก แต่สิ่งที่ได้มีโอกาสเห็นและได้สัมผัส คือ ความติดดินบนดอยที่แท้ทรู ที่อาจหาไม่ได้จากการไปเที่ยวดอยที่ไหนในเวลานี้ ที่ก่อเกิดมิตรภาพใหม่ ทำให้เปิดใจในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกได้ว่า ถ้าคุณเป็นนักเดินทาง รักที่จะเดินทางต้องเปิดใจ ให้มีความสนุกและอยู่ให้ได้กับทุกที่
ติดตามไปด้วยกัน
Tags : การเดินไปห้วยกุ๊บกั๊บ, ที่พักห้วยกุ๊บกั๊บ, บ้านซุกกิ๊ก, บ้านดอยนาหมี, บ้านสานฝัน, บ้านห้วยกุ๊บกั๊บ, รีวิวห้วยกุ๊บกั๊บ, อาบูดายาโฮมสเตย์
-
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูเนื้อหาต้นฉบับ
ที่มา : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%9A
ขอขอบคุณ : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%9A