เกาะช้าง เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเมืองไทย จนถึงขั้นถูกตั้งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดตราด ที่นี่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งภูเขา ทะเล น้ำตก และอีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงขาดหายไปจากภาพจำของนักท่องเที่ยวนั่นก็คือการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งก็ช้างเองนั้นก็มีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่น่าสนใจไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับบรรยากาศการท่องเที่ยวชุมชนที่เกาะช้างกันครับ
นั่งเรือข้ามฝากจากฝั่งตราดมาลงที่เกาะช้าง หากใครมาเที่ยวที่นี่คงจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เลี้ยวมาทางฝั่งซ้ายมือจากท่าเรือไปทางฝั่งเกาะช้างใต้ ฝั่งที่ห่างไกลออกไปจากความเจริญ ห่างไกลจากความวุ่นวาย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเหมือนกับได้หยุดเวลาเที่ยวเกาะช้างเมื่อครั้งอดีตที่ยังไม่มีความเจริญเข้ามาเลย
ชุมชนท่องเที่ยวที่เราจะไปเยือนกันในวันนี้ก็คือ ชุมชนชนสลักคอก และชุมชนสลักเพชร สองชุมชนชนพี่น้องที่ผสานการท่องเที่ยวชุมชนเป็นหนึ่งเดียว ผ่านพื้นที่ของป่ายชายเลนและวัฒนธรรมร่วมของทั้ง 2 ชุมชน
จุดแรกที่เราจะไปเยือนกันในวันนี้คือที่บ้านรักกะลา ที่นี่คือศูนย์การเรียนรู้และที่ขายสินค้าจากกะลามะพร้าว ที่ชาวบ้านนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาแปรรูปวัตถุดิบท้องถิ่นให้กลายเป็นมาเป็นงานคราฟต์ที่ทรงคุณค่า ออกขายสู่สายตานักท่องเที่ยว ความพิเศษของการทำกะลามะพร้าวที่นี่คือมีรูปทรงที่หลากหลาย สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากของใช้ได้จริงๆ เลย แถมดีไซน์บอกเลยว่าไม่ธรรมดา ผ่านการขัดเกลาทักษะฝีมือมาเป็นอย่างดี
แล้วยิ่งพอได้เห็นวิถีการทำตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่พี่ๆ เขาสาธิตให้ดูด้วยแล้วยิ่งชวนให้ตื่นตาตื่นใจ เพราะกว่าจะได้ผลงานจากกะลามะพร้าวสักชิ้นนั้น ไม่ใช่ง่ายๆ เลย มีหลายขั้นตอนมาก หากใครมาเกาะช้างอยากจะหาของฝากดีๆ สักชิ้นแวะมาที่นี่ได้เลยครับ
พิกัดบ้านรักกะลา : https://goo.gl/maps/xganoHKAd2yF3Fqy8
หลังจากนั้นเราไปต่อกันที่สะพานแดง เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบ้านสลักเพชร เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่สมบูรณ์มากๆ ของเกาะช้าง โดยจุดเด่นของเส้นทางเดินป่านี้คือสะพานไม้สีแดงที่ทอดยาวไปตามเส้นทางป่าชายเลน ให้นักท่องเที่ยวได้มาเดินศึกษาธรรมชาติกันได้แบบชิลๆ และร่มรื่น แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ได้เช็กอินกันตลอดทางอีกต่างหาก
ในจุดนี้เราจะได้พบกับความสมบูรณ์และหลากหลายของป่าชายเลน ที่เปรียบดั่งพิพิธภัณฑ์มีชีวิตให้ผู้มาเยือนแบบเราได้เรียนรู้กันตลอดเส้นทางเดิน เป็นหนึ่งในจุดเช็กอินของเกาะช้างที่ต้องห้ามพลาดเลยจริงๆ
พิกัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนบ้านสลักเพชร : https://goo.gl/maps/3Jp61xnST3GuiGAH6
ก่อนกลับที่พักในวันนี้เราแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่วัดสลักเพชร หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ของเกาะช้าง ที่นี่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและดูมีมนต์ขลัง และมีพิพิธภัณฑ์ชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมกันด้วย
พิกัดวัดสลักเพชร : https://goo.gl/maps/ZKFPcUFAye8hc8mG9
จบไปหนึ่งวันเราเดินทางเข้าสู่ที่พัก ซึ่งที่พักของเราในวันนี้ก็คือ โฮมสเตย์แม่สมบุญ ใครจะมาท่องเที่ยวชุมชนเกาะช้างแนะนำเลยที่นี่ดีงามมาก!!! บรรยากาศโฮมสเตย์ริมทะเล สามารถนั่งชมวิวได้แบบชิลๆ จากระเบียงบ้านเลย มีสะพานไม้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นชมวิวทะเลเกาะช้าง บรรยากาศยามเย็นที่นี่ดีมากจริงๆ ได้เห็นพระอาทิตย์ตกสวยๆ สะท้อนกับพื้นน้ำ เป็นเมจิคโมเม้นต์ที่ทำให้การเดินทางนั้นหายเหนื่อยไปอย่างปลิดทิ้ง
ในส่วนของห้องพักก็สะดวกสบาย มีห้องน้ำในตัวพร้อมกับเครื่องปรับอากาศ ใครกลัวจะมาแล้วลำบากบอกเลยว่าไม่เลย นอนพักผ่อนกันได้แบบสบายๆ ตลอดทั้งคืน
และที่ถือว่าเป็นทีเด็ดของที่นี่เลยก็คืออาหารเย็น! ที่รวมอยู่ในราคาที่พักแล้ว เราจะได้ทานอาหารพื้นบ้านที่เน้นวัตถุดิบจากท้องทะเลเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกั้งกระดานทอดกระเทียม ปลาอินทรีย์ผัดพริก หมึกต้มน้ำดำ น้ำพริกกะปิ กุ้งต้ม แต่ละเมนูเล่นเอาเติมข้าวกันไปคนละหลายจาน อร่อย ฟิน นอนอิ่ม สบาย
พิกัดโฮมสเตย์แม่สมบุญ : https://goo.gl/maps/9PzzZxGrB2xENBsx8
เช้าวันต่อมาเรามีนัดกันแต่เช้าเพื่อไปขึ้นเรือมาด อีกหนึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวชุมชนบนเกาะช้างแห่งนี้ โดยจุดขึ้นเรือมาดนั้นจะอยู่ที่ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก
ความเจ๋งของเรือมาดนี้ก็คือการประยุกต์นำวิถีชีวิตในสมัยก่อนของชาวบ้านมาผสมผสานกับการท่องเที่ยวและนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวได้อย่างมีสไตล์ โดยเราจะเห็นได้ตั้งแต่การคุมธีมเสื้อผ้าของพี่คนพายเรือแต่ละคนที่มาให้บริการกับเรา ดูแล้วเหมือนย้อนยุคไปอยู่ในยุคอดีตจริงๆ บวกกับเรือมาด ซึ่งเป็นเรือโบราณที่ชาวบ้านใช้งานกันอยู่จริงในอดีต ทำให้กิจกรรมนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่นไม่เหมือนที่ไหนๆ เลย
การนั่งเรือมาดนี้ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยเรือจะพายออกสู่ปากอ่าวให้เราชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บางวันหากมีฝนตกลงมาอาจจะได้เห็นทะเลหมอกด้วย ใครที่ชอบถ่ายภาพหรืออยากจะได้ภาพสวยๆ ห้ามพลาดกิจกรรมนี้ ประทับใจได้รูปสวยเก็บไปเป็นความทรงจำแน่นอน
ล่องเรือมาดมีค่าบริการ : 800 บาทต่อลำนั่งได้ 4 คน
พิกัดขึ้นเรือมาด : https://goo.gl/maps/13U2yra6ay5UQPZeA
หลังจากขึ้นมาจากเรือแล้วเราไปเที่ยวกันต่อที่วัดวัชคามคชทวีป หรือวัดสลักคอก วัดที่รักาลที่ 5 ทรงพระราชทานนามให้ และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวสลักคอกมาอย่างยาวนาน ใครต่อใครที่มาเที่ยวสลักคอกก็ไม่พลาดที่จะแวะมาเยือนที่นี่
พิกัดวัดวัชคามคชทวีป : https://goo.gl/maps/4hFez7wqPY9WN8vFA
ก่อนจากลาชุมชนไป เรามีโอกาสได้ทานอาหารกลางวันด้วยกันกับชุมชน อาหารที่ดูจะบ้านๆ แต่กลับเปี่ยมล้นไปด้วยรสชาติที่จัดจ้าน แฝงไว้ด้วยน้ำใสใจจริงของเจ้าบ้านที่ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี ตลอดการท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืนเราได้เห็นรอยยิ้มต้อนรับจากชาวบ้าน ความรู้สึกที่เป็นกันเองเหมือนมาเยี่ยมบ้านญาติผู้ใหญ่ พร้อมทั้งเรียนรู้ศาสตร์ของชุมชนที่แทบจะไม่เคยรู้มาก่อน เป็นประสบการณ์ล้ำค่าและเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวชุมชนที่ทำให้หลายๆ คนหลงรัก และหาไม่ได้ที่นี่ไหนจริงๆ
สนใจท่องเที่ยวชุมชนบ้านสลักคอก-สลักเพชน ติดต่อ : 087 748 9497 (ลุงเอ)
ดูเนื้อหาต้นฉบับ
ที่มา : https://www.sanook.com/travel/1431345/
ขอขอบคุณ : https://www.sanook.com/travel/1431345/