ต้นเดือนกันยายน 2565 ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูฝน ณ อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม แม่น้ำโขงสีน้ำตาลไหลเร็วและมีปริมาณมากจนเอ่อสูง “ปีนี้คงบ่ท่วมเนาะ…” แม่ค้าขายกาแฟโบราณร้านเล็กๆ ริมแม่น้ำโขง เปรยกับผมพร้อมยื่นแก้วชาเขียวส่งให้ เธอคงจะเห็นผมนั่งมองมหานทีสายนี้อยู่เป็นเวลานานแล้ว
นอกจากแม่น้ำโขงที่แม้จะไหลเร็วแต่ทว่าเงียบสนิทแล้ว บรรยากาศริมแม่น้ำบริเวณนี้ก็เงียบสงบเช่นกัน อาจเป็นเพราะที่ตรงนี้เป็นที่ตั้งของ วัดพระธาตุท่าอุเทน พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองมาเป็นเวลา 110 ปี เวลานี้ผมยื่นอยู่ในจุดที่ถูกล้อมรอบไปด้วยความงดงาม ด้านหนึ่งเป็นความงดงามจากธรรมชาติสายน้ำมองไปได้ไกลถึงฝั่ง สปป.ลาว เห็นทิวเขาสูงใหญ่ของแขวงคำม่วน อีกด้านหนึ่งเป็นความงดงามทางด้านวัฒนธรรมเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเลื่อมใสศรัทธาปฏิบัติน้อมบูชาของชาวท่าอุเทน
คำว่า ท่าอุเทน นั้นมีที่มาตั้งแต่เมื่อสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สยามประเทศของเราได้ทำการกวาดต้อนผู้คนจากทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงซึ่งก็คือฝั่ง สปป.ลาว ในปัจจุบัน ให้ข้ามมาตั้งบ้านเมืองใหม่ที่ฝั่งขวาคือเมืองท่าอุเทน ในช่วงเวลาที่อพยพผู้คนย้ายข้ามมานั้นเป็นช่วงเวลารุ่งเช้า จึงได้ตั้งชื่อเมืองใหม่นี้ว่า เมืองท่าอุเทน ซึ่งมีความหมายว่า เมืองแห่งดวงอาทิตย์รุ่งอรุณ เป็นชื่อที่มีความเป็นสิริมงคลแก่ชาวท่าอุเทน
แม้ว่าเมืองท่าอุเทนจะผ่านกาลเวลามาเป็นเวลานับร้อยๆ ปี แต่ก็ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ความสุขท่ามกลางความเงียบสงบตามวิถีชีวิตริมแม่น้ำโขงยังคงมีให้พบเห็นได้ทั่วไป ชาวไทญ้อ คือชนชาวพื้นเมืองในปัจจุบันยังคงดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิม มีสำเนียงภาษาพูดแบบไทยอีสานแต่น้ำเสียงจะสูงและอ่อนหวานไพเราะน่าฟัง อีกทั้งเป็นกลุ่มชนที่รักความสงบถือความซื่อสัตย์มีน้ำใจเป็นที่ตั้ง เราจึงมักจะไม่พบข่าวไม่ดีงามเกิดขึ้นในดินแดนดวงอาทิตย์รุ่งอรุณแห่งนี้
ย้อนหลังกลับไป 110 ปี คือ พ.ศ.2455 ได้มีการจัดสร้างพระธาตุท่าอุเทนขึ้น มีลักษณะเป็นองค์พระธาตุก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส โดยได้จำลองมาจากพระธาตุพนม โดยมีขนาดเล็กแต่สูงกว่า โดยสูงจากพื้นดินถึงยอด 33 วา หรือประมาณ 66 เมตร ซึ่งสูงกว่าพระธาตุพนมประมาณ 13 เมตร ว่ากันว่าพระธาตุท่าอุเทนเป็นพระธาตุประจำวันของผู้ที่เกิดวันศุกร์ ภายในบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งพระอาจารย์ศรีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง ส่วนพระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำวันของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ หากใครได้มานมัสการแล้วจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสืบไป
เป็นที่น่าเสียดายว่า คืนนี้ผมได้พักค้างคืนที่อำเภอท่าอุเทน เพราะผมได้จองที่พักในตัวจังหวัดนครพนมไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเข้าพักที่โรงแรมศรีเทพ เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่เปิดให้บริการมานาน มีที่จอดรถยนต์สะดวก มีร้านอาหารเช้าเจ้าดังตั้งอยู่ด้านหน้า ที่สำคัญราคาไม่แพงเหมาะสมกับฐานะนักเดินทางกระเป๋าแบนอย่างผมเป็นอย่างยิ่ง
อีกทั้งในช่วงค่ำยังสามารถเดินไปถนนคนเดินนครพนม ที่ตั้งอยู่ที่ถนนชยางกูร หรือที่คุ้นเคยกันคือถนนเลียบโขง ใกล้ลานพญาศรีสัตตนาคราช โดยจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกค่ำคืนวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ ที่นี่จะมีอาหารสไตล์สตรีทฟู้ด และของที่ระลึกจำหน่าย สามารถนั่งชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงยามค่ำคืนได้สวยงามประทับใจ เมื่อมาถึงบริเวณนี้แล้วก็ควรจะสักการะรูปปั้นพญาศรีสัตตนาคราช พญานาค 7 เศียร เชื่อกันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
สายมากแล้วท้องฟ้าสีน้ำเงินครามสดใส เมฆขาวลอยเกาะกลุ่มพลิ้วไหวเคลื่อนตัวไปตามกระแส พระธาตุองค์สีขาวบริสุทธิ์ประดับด้วยลวดลายดอกไม้เป็นจุดๆ ตั้งตรงตระหง่านทะยานสู่ฟากฟ้า ราวกับเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า “จากนี้ เจ้าจะได้สมความปรารถนาเมื่อมาท่าอุเทน” … กราบ
ข้อมูลเพิ่มเติม
จังหวัดนครพนม มีองค์พระธาตุประดิษฐานอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีการจัดให้เป็นพระธาตุประจำวันของผู้ที่เกิดในวันต่างๆ เพื่อที่ผู้ศรัทธาสนใจ จะได้เดินทางไปนมัสการตามวันเกิดของตนดังนี้
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ พระธาตุเรณู อ.เรณูนคร
ผู้ที่เกิดวันอังคาร พระธาตุศรีคุณ อ.นาแก
ผู้ที่เกิดวันพุทธ พระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก
ผู้ที่เกิดวันพุทธ (กลางคืน) พระธาตุมรุกขนคร อ.ธาตุพนม
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี พระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า
ผู้ที่เกิดวันศุกร์ พระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ พระธาตุนคร อ.เมือง
ดูเนื้อหาต้นฉบับ
ที่มา : https://www.sanook.com/travel/1434277/
ขอขอบคุณ : https://www.sanook.com/travel/1434277/