หากคุณชอบเดินทางท่องเที่ยว ภาพของดอยช้างที่คิดถึงอาจจะเต็มไปด้วยที่พักสวย คาเฟ่เก๋ และวิวภูเขาตระการตา แต่ถ้าหลงใหลในกลิ่นและรสชาติของกาแฟ ดอยช้างคงเป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่อัดแน่นด้วยเรื่องราวของเครื่องดื่มแห่งความสุข เพราะที่นี่คือต้นกำเนิดของเมล็ดกาแฟอาราบิกาคุณภาพเยี่ยม มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ทั้งยังมีการแปรรูปส่งไปจำหน่ายเป็นสารตั้งต้นให้กับหลายแบรนด์ดัง จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่า Coffee Lovers จะพากันหลงรักภูเขาแห่งกาแฟลูกนี้
ไร่กาแฟบนเขาสูง
“ดอยช้าง” เป็นเขาสูงและสวย ในอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของวิวทิวทัศน์ที่ไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้งอากาศยังเย็นสบาย มีสายหมอกบางเบาให้ได้สัมผัสตลอดทั้งปี จึงเหมาะต่อการพักกายพักใจให้ห่างจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่เหล่านักเดินทางต่างพากันขึ้นไปรับความสดชื่นของบรรยากาศบนเขาสูง ตลอดเส้นทางที่ลัดเลาะเหลี่ยมเขา บางจุดก็ไต่สันเขาให้เห็นวิวอลังการ เรียงรายด้วยที่พัก คาเฟ่ และร้านอาหารมากมาย ซึ่งต่างมีจุดขายเป็นภาพทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละมุม หากไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเข้าใกล้ชุมชนดอยช้าง หมู่บ้านน่ารักของชนเผ่าอาข่า จะเห็นได้ว่ามีไร่กาแฟกระจายอยู่มาก เพราะความสูงและเย็นของที่นี่เหมาะอย่างยิ่งต่อการเติบโตและให้ผลผลิตที่ดีของกาแฟอาราบิกา
เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิกาของดอยช้าง ขึ้นชื่อว่าคุณภาพเยี่ยม มีกลิ่นหอมและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น การปลูกกาแฟของชาวบ้านดอยช้างเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 เมื่อ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริให้พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรบนพื้นที่ดอยสูงทางภาคเหนือ โดยพระราชทานต้นกล้ากาแฟสายพันธุ์อาราบิกาให้ชาวบ้านดอยช้างปลูกทดแทนฝิ่น จากนั้นมากาแฟก็กลายเป็นพืชเศษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับชุมชน แทบทุกครอบครัวต่างก็หันมาปลูกกาแฟขาย บางส่วนรวมตัวกันเป็นกลุ่มผลิตกาแฟส่งให้แบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงส่งออกไปจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรียกได้ว่าการทำไร่กาแฟและแปรรูปกาแฟ คืออาชีพหลักของคนที่นี่
สำหรับคนรักกาแฟ การแวะคาเฟ่สวย ๆ ระหว่างทางคงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของทุกทริปที่ออกเดินทาง ในครั้งนี้ จะพาทุกคนไปตามรอยเส้นทางกว่าจะมาเป็นกาแฟสักแก้วของ THE COFFEE CLUB ร้านกาแฟชื่อดังสัญชาติออสเตรเลียที่มีสาขาในประเทศไทยกว่า 30 สาขา และมีเมล็ดกาแฟ Siam Blend จากดอยช้างเป็นหนึ่งในกาแฟประจำร้าน จึงไม่เพียงได้จิบกาแฟในคาเฟ่สวยเก๋ ยังมีโอกาสกระโดดขึ้นรถกระบะของชาวบ้านบุกไปสำรวจไร่กาแฟในหุบเขากันด้วย ซึ่งช่วงหน้าหนาวฤดูเก็บเกี่ยวแบบนี้ ภาพต้นกาแฟที่แทรกตัวอยู่ในผืนป่าล้วนเต็มไปด้วยผลเชอร์รี่สีสวย บ้างแดงฉ่ำ บ้างเป็นสีส้ม และบางต้นเป็นสีเหลือง ตามแต่สายพันธุ์ ความสนุกคือนอกจากจะได้เห็นเทคนิคการเก็บกาแฟของบรรดาคุณป้าคุณยายที่เลือกเก็บเมล็ดที่สุกฉ่ำได้อย่างชำนาญ ยังได้ลองชิมน้ำหวาน ๆ จากผลเชอร์รี่กาแฟ พิสูจน์ว่าแต่ละสายพันธุ์รสชาติต่างกันอย่างไร ทั้งยังได้ลองเก็บเมล็ดกาแฟ โดยมีเจ้าของไร่เล่าขั้นตอนการเก็บการคัดให้ฟังอย่างละเอียด นับว่าเป็นการเที่ยวไร่กาแฟที่ทั้งสนุกและได้ความรู้เยอะทีเดียว
อากาศดี ๆ และ Specialty Coffee
เมื่อถามคนพื้นที่ว่า จุดไหนของดอยช้างที่คิดว่าสวยที่สุด คำตอบที่ได้คือ “ดอยช้างสวยทุกมุม” เพราะไม่ว่าจะนั่งชิลอยู่ในคาเฟ่ไหนก็มีภาพภูเขาสลับซับซ้อนแบบพาโนรามาดึงดูสายตา ให้นักท่องเที่ยวผู้รักการถ่ายภาพได้รัวชัตเตอร์อย่างเพลิดเพลิน เช่นเดียวกับที่พักที่ต่างก็มีมุมปังเป็นไฮไลท์ และทุกห้องของทุกที่ก็มักจะมีวิวส่วนตัวให้ผู้เข้าพักได้ฟินจนแทบไม่อยากออกไปไหน แค่ได้นั่งอ้อยอิ่งริมระเบียง สูดอากาศสดชื่นให้ฉ่ำปอด ดูไอหมอกคลอเคล้าไปกับทิวเขา ก็เพลินได้ทั้งวันแล้ว
ฉะนั้นหลังจากบุกป่าไปตามหาต้นกาแฟอาราบิกา คงไม่มีอะไรจะช่วยชาร์จพลังได้ดีไปกว่าการตื่นเช้ามารับแสงแดดอุ่นยามรุ่งอรุณ พร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นและรสขมอบอุ่นของกาแฟจากต้นกำเนิดบนดอยช้าง
แต่แทนที่จะเป็นกาแฟทั่วไป THE COFFEE CLUB มี Specialty Coffee ที่ทางแบรนด์คัดสรรค์เมล็ดกาแฟพิเศษมาคั่วให้ได้กลิ่นและรสที่ชัดเจน บดละเอียดบรรจุเป็น Coffee Drip Bags ให้สามารถพกพาไปรื่นรมย์กับการดริปกาแฟได้ทุกที่ ซึ่งมีทั้งกาแฟ Anaerobic ที่ประยุกต์เอาการหมักไวน์มาหมักกาแฟ โดยใช้ถังควบคุมอุณหภูมิ Black Honey ที่แปรรูปแบบ Semi-Dry Process ให้น้ำตาลจากผลเชอร์รี่กาแฟซึมเข้าในเมล็ดจนได้รสหอมหวาน และ Siam Blend ที่พิเศษด้วยการเบลนด์เมล็ดจาก 2 แหล่งกำเนิด ดอยช้าง จังหวัดเชียงราย และบ้านสัญเจริญ ดอยสวนยาหลวง เข้าด้วยกัน
ซองแรกที่เลือกชิมคือกาแฟ Anaerobic ซึ่งได้กลิ่นที่ชัดเจนคล้ายชาดอกไม้ลอยแตะจมูกทันทีหลังฉีกซอง ยิ่งรินน้ำร้อนลงไปจนกาแฟสีเข้มค่อย ๆ ไหลหยดลงในแก้ว กลิ่นหอมยิ่งฟุ้งกระจาย ส่วนรสชาติที่ได้มีความฟรุตตี้ เปรี้ยวนิด ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนผลไม้หมัก บอกเลยว่าใครชอบดื่มไวน์ ต้องชอบกาแฟแก้วนี้อย่างแน่นอน ถัดมาคือกาแฟ Black Honey สูตรนี้มีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้สุกและคาราเมล รสชาติที่เด่นชัดคือความหวานนวลแทรกด้วยความฟรุตตี้เบา ๆ สมกับชื่อ Honey จริง ๆ สำหรับซองสุดท้าย Siam Blend มีความหอมละมุน ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในคาเฟ่ดี ๆ เมื่อค่อย ๆ จิบก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นช็อกโกแล็ตปนคาราเมลที่อบอวลอยู่ในปาก ก่อนตบท้ายด้วยความเปรี้ยวนิด ๆ ในตอนปลาย เป็นสูตรที่น่าจะถูกใจคนชอบกาแฟอาราบิการสเข้มได้ไม่ยาก สำหรับใครที่อยากลองความพิเศษของรสสัมผัสกาแฟดริป ทั้ง 3 สูตร สามารถตามหา ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB ได้ที่ร้าน เดอะ คอฟฟี่ คลับ ทุกสาขาทั่วประเทศ ในราคากล่องละ 290 บาท (1 กล่องมี 6 ซอง) หรือหากคอกาแฟคนไหนต้องการลองดื่ม Coffee Drip แต่ละสูตรสามารถซื้อแยกซองได้เช่นเดียวกัน
ท่ามกลางอากาศเย็นสดชื่น การได้นั่งมองภาพทิวเขาสลับซับซ้อนเบื้องหน้า และจิบกาแฟ Specialty Coffee หอมกรุ่นรับความอบอุ่น เป็นความสุขเรียบง่ายที่ทำเอาอยากจะจมจ่อมอยู่กับช่วงเวลานี้ไปนาน ๆ
ความสุขของคนทำกาแฟ
การทำกาแฟของชาวบ้านดอยช้าง ส่วนใหญ่เริ่มตั้งแต่ปลูก เก็บเกี่ยว และแปรรูปแบบ Washed Process โดยเน้นคุณภาพและความสะอาดเป็นหลัก แต่นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่ทำการแปรรูปแบบพิเศษ ทั้ง Anaerobic Process และ Honey Process ซึ่งนับเป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสไปชมกระบวนการแปรรูปเหล่านี้กันด้วย ทำให้รู้ว่ากว่าจะออกมาเป็น Specialty Coffee นั้นไม่ง่าย และด้วยความยากในการทำจึงทำให้หาชิมได้ยากตามไปด้วย
“พงศ์” พงศ์พัทธ์ วิมลสวรรค์กุล คือเกษตรกรดอยช้างเจ้าของสูตร Anaerobic Process ที่เราได้จิบชิมรสชาติจาก ‘Festive Series Coffee Drip Bags’ By THE COFFEE CLUB เขาเปลี่ยนลานบ้านให้เป็นห้องทดลอง ลองผิดลองถูกอยู่นานจนได้เป็นวิธีแปรรูปแบบ Anaerobic Process ที่เจ้าตัวบอกว่าสมบูรณ์แบบที่สุด โดยใส่ผลเชอร์รี่กาแฟที่คัดเฉพาะเมล็ดที่สุกฉ่ำลงไปหมักในถังควบคุมอากาศ แล้วนำออกมาผึ่งไล่ความชื้น บ่มจนได้ที่ ก่อนสีเป็นสารกาแฟแล้วบ่มอีกที เรียกได้ว่ากว่าจะเป็นกาแฟ Anaerobic ที่ดี ต้องผ่านกระบวนการและใช้เวลาไม่น้อยเลย แต่ที่ยากกว่าคือการแปรรูปแบบ Black Honey ซึ่งต้องนำผลเชอร์รี่กาแฟไปปอกหรือสีเปลือกออก แล้วนำเมล็ดกาแฟที่ยังมีเยื่อหุ้มติดอยู่ไปผึ่งตาก โดยต้องควบคุมทั้งเรื่องแสงแดดและความชื้นให้พอเหมาะ รอจนเยื่อหรือเมือกแห้งเป็นสีดำเคลือบบนผิวกะลา จะได้เมล็ดกาแฟสีน้ำตาลไหม้เหมือนน้ำผึ้งและให้รสชาติหวานนวล นับเป็นกรรมวิธีที่ต้องดูแลเอาใจใส่มากจริง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฤดูกาลหนึ่งจะผลิตได้ในจำนวนจำกัด
การได้พูดคุยถึงกระบวนการแปรรูปกาแฟไปพร้อม ๆ กับเดินเล่นดูลานตากเมล็ดกาแฟที่มีวิวหลักล้านให้ชม เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งซึ่งคนรักกาแฟอย่างเราเพลิดเพลินจนแทบลืมทุกสิ่ง เรียกได้ว่าเสน่ห์ของกาแฟดึงดูดเราได้อย่างอยู่หมัดจริง ๆ ก่อนลากัน พงศ์บอกกับเราว่า ตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นพ่อแม่ทำกาแฟอยู่แล้ว กาแฟจึงไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังทำให้คุณภาพชีวิตของคนที่นี่ดีขึ้น มีความสุขขึ้น และกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของพวกเขาไปแล้ว หลังบอกลาพงศ์ เราแวะไปดูโรงสีเมล็ดและลานตากกาแฟอีกหลายแห่ง ซึ่งแต่ละที่ทำให้เห็นถึงกระบวนการผลิตที่สะอาด ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ และเต็มไปด้วยความใส่ใจของคนทำ สมแล้วกับการที่ถูกยกให้เป็นแหล่งปลูกและผลิตเมล็ดกาแฟอาราบิกาอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
ใครหลงใหลในกลิ่นหอมกรุ่นและรสชาติขมแต่ละมุนของกาแฟ อยากแนะนำให้ไปเยือนดอยช้างสักครั้ง เพราะแค่ได้นั่งมองวิวสวย ๆ จิบกาแฟดี ๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ผูกพันธ์กับกาแฟ และพูดคุยถึงที่มาที่ไปของเครื่องดื่มแก้วโปรด ก็เติมความสุขให้กับคนรักกาแฟได้แล้ว
ดูเนื้อหาต้นฉบับ
ที่มา : https://www.sanook.com/travel/1435577/
ขอขอบคุณ : https://www.sanook.com/travel/1435577/