หมู่บ้านท่าแร่ ตั้งอยู่ริมหนองหาร บนทางหลวงหมายเลข 22 (สกลนคร-นครนม) ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัสสกลนคร หมู่บ้านท่าแร่ เป็นชุมชนที่เก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย ความโดดเด่นของหมู่บ้านท่าแร่ นอกจากจะได้พบกับบรรยากาศที่เงียบสงบ และวิถีชุมชนขาวคาทอลิคที่เรียบง่ายแล้ว ยังได้ชมบ้านเรือนและตึกโบราณสไตล์โคโรเนียลแบบฝรั่งเศสสวยงามแปลกตา เป็นอาคารทอดยาวที่เป็นเอกลัษณ์ ตามแบบฉบับของฝีมือช่างท้องถิ่นที่ไม่เหมือนที่ใด
หมู่บ้านท่าแร่ ห่างจากตัวเมืองสกลนคร ประมาณ 21 กม. ในอดีตประมาณปี พ.ศ.2427 ประชากรชาวท่าแร่เป็นคริตชน อพยพมาจากประเทศเวียดนามประมาณ 40 คน อาศัยอยู่ในตัวเมืองสกลนคร แต่เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น จึงได้ย้ายมา ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ บ้านท่าแร่ บ้านท่าแร่ ยังเป็นที่ตั้งของ “โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล” ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้อีกด้วย
สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านท่าแร่ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้พบกับความสวยงามของบ้านโบราณอายุมากกว่า 100 ปี โดยอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นแบบตึกปูนทรงยุโรปด้วยสถาปัตยกรรมโคโลเนียล แบบฝรั่งเศสผสมเวียดนาม อาคารแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ภูมิปัญญาช่างและประสบการณ์การก่อสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูนไม่มีช่างใด ทำได้และไม่ค่อยพบเห็นที่ไหน
เริ่มจาก บ้านฟรานซิสโก บ้านโบราณ Landmark ที่ต้องแวะ ตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์ อัครเทวดามีคาแอล บ้านเก่าแก่สไตล์สถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ปัจจุบันเจ้าของบ้านได้เปลี่ยนบ้านไปเป็นร้านอาหาร ชื่อว่า “ ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก” ที่ให้บริการอาหารเมนูง่ายๆ สไตล์เวียดนาม รวมไปถึงอาหารตามสั่ง ชา กาแฟ รวมทั้งร้านอาหารเช้าแบบคลาสิคย้อนยุค ในราคาไม่แพง
อาหารอร่อยของร้านนี้ถึงแม้จะเป็นอาหารจานเดียวง่ายๆ แต่อาหารอร่อยถูกปากทุกเมนู โดยเฉพาะสุกี้โบราณแบบต่างๆ น้ำจิ้มสุกี้แบบโบราณ คือ ดีมาก เป็นเมนูขึ้นชื่อ ที่ถ้าพูดร้านนี้ทุกคนต้องถามว่า ได้ทานสุกี้หรือยัง เป็นเมนูอันดับต้นที่ไม่ควรพลาด ส่วนอาหารเช้ามีทั้ง ไข่กระทะ ข้าวเปียกเส้น ข้าวต้ม อาหารทานเล่น อย่างเกี๊ยวกุ้ง อร่อยมากน เราฝากท้องที่ร้านนี้ทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้า มีความปลื้มมาก
อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่คอกาแฟต้องลองสั่ง กาแฟดริปเวียดนามที่ใช้เมล็ดกาแฟบัสต้าของเวียดนามแท้ มีความหอมเข้มแบบไม่มากจนเกินไป มีความหอมละมุนมาก เติมนมสดที่ผสมความหวานมาแบบกำลังดีลงไปอีกนิด ทำเอาคนที่ไม่ค่อยชอบทานกาแฟอย่างเรา เคยไม่ปลื้มและมีภาพจำความเข้มที่หนักมากของกาแฟโรบัสต้า ชอบจนเผลอซดหมดได้ ถือว่า ไม่ธรรมดา ส่วนใครที่ยังไงก็ไม่สามารถลองทานกาแฟดริปได้ แนะนำเป็นชาเย็น กลิ่นชาหอมรสชาติดี เช่นกัน
ตรงข้ามกับบ้านข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก เป็นบ้านที่เปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเป็นบ้านแบบโบราณเช่นกัน แต่จะเป็นแบบไทยโบราณ ถัดจากร้านนี้ไป คือ ร้านกาแฟระเบียงดาว ซึ่งตัวอาคารสีขาวจะเป็นแบบทรงยุโรปนิดๆ
ถัดจาก บ้านฟรานซิสโก คือ มี 2 อาคารที่มีลักษณะคล้ายกันตั้งอยู่ติดกัน อาคารแรก คือ คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ คฤหาสน์เก่าแก่ดั้งเดิม สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสหรือแบบโคโลเนียล ที่ ทอดตัวเป็นแนวยาว โดยช่างฝีมือชาวเวียดนาม ที่อพยพมาอยู่ในจังหวัดนครพนมและบ้านท่าแร่ ลักษณะเป็นอาคารสีเหลืองแบบปูน 2 ชั้น ถึงแม้สีจะซีดและเลือนลางไปตามกาลเวลา แต่สภาพตึกยังค่อนข้างสมบูรณ์สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีต ปัจจุบันไม่มีคนพักอาศัย แต่ยังมีทายาทที่เป็นเจ้าของอาคารนี้ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปเรื่อยๆ
ร้านวราคาเฟ่ ร้านกาแฟเล็กๆที่ติดกับ คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ จัดมุมที่นั่งได้น่ารักมาก ทั้งมุมที่นั่งด้านหน้าและข้างร้านที่จัดเป็นมุมสวนเล็กๆ แบบอังกฤษ มุมที่นั่งติดกับบานประตูขงคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ เป็นอีกมุมที่เก๋มาก
ติดกับคฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ เป็นอาคารที่มีศิลปแบบโคโลเนียล ชื่อว่า บ้านโบราณ องเลื่อง โสรินทร์ ช่างก่อสร้างได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประสบการณ์ในการก่อสร้าง แบบก่ออิฐถือปูน ไม่มีปูนซีเมนต์ ไม่มีเหล็ก แต่ช่างได้ใช้วัสดุพื้นบ้าน โดยการนำปูนขาวผสมกับทราย ยางพืชพื้นเมือง คือยางบงและน้ำอ้อยแทนปูนซีเมนต์ โครงสร้างชั้นบนส่วนมากเป็นไม้ อุปกรณ์บางอย่าง นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศส ลงเรือมาถึงกรุงเทพ ขึ้นรถไฟมาถึงโคราช และบรรทุกใส่เกวียนต่อมาถึงท่าแร่ อาคารหลังนี้จึงกลายเป็นมรดกที่ล้ำค่าทางสถาปัตยกรรม ที่โดดเด่นสวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร
เป็นอีกอาคารที่ถ่ายรูปแล้วแสงเงาสวย โดยเฉพาะช่วงบ่ายประมาณสี่โมง ที่มีแสงส่องกระทบลงมายังตัวอาคาร เดินถ่ายรูปแทรกตัวตามเสา บานประตู สนุกเพลิดเพลินมาก
จากบ้านองเลื่อง โสรินทร์ ไปประมาณ 400 เมตร จะพบกับบ้านโบราณหลังนี้ มีอายุประมาณ 90-100 ปี เป็นบ้านของ นายหนู ศรีวรกุล นางหนูนา อุปพงษ์ ซึ่งเป็นบุตรของ พระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองสกลนครเวลานั้น เดิมสร้างเป็นที่อยู่อาศัย ต่อมาในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการสั่งปิดโบสถ์ไม่ให้ใช้ทำพิธีใดๆ ในทางศาสนา ชาวคริสต์จึงต้องหาสถานที่แห่งใหม่เพื่อใช้ทำพิธีต่างๆ และเนื่องจากบุตรหลานของเจ้าของบ้าน เป็นพระสงฆ์ในศาสนาคริสต์ จึงอนุญาตให้ใช้บ้านเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา น่าเสียดายที่ต่อมาบ้านถูกไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม ไม่มีการบูรณะซ่อมแซม มีต้นโพธิ์ขึ้นรกรุงรัง จนกลายเป็นบ้านร้างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ก็ดูมีความเก่าขลังไปอีกแบบ
มาเที่ยวสกลนคร แล้วไม่ได้แวะมาบ้านท่าแร่ ก็เหมือนมาไม่ถึง เป็นหมู่บ้านน่ารักที่เหมาะกับการถ่ายรูปแนวอาร์ท วินเทจ สวยคลาสสิค ที่ให้อารมณ์ย้อนยุคมาก ใครชอบถ่ายรูปน่าจะชอบที่นี่มาก มายืนถ่ายรูปกับอาคารโบราณได้หลายมุม
สำหรับใครที่มาเที่ยวสกลนคร กำลังมองหาที่พักที่ใกล้กับบ้านท่าแร่ เพื่อเก็บบรรยากาศแบบเต็มอิ่ม หรือไปเที่ยวยังสถานที่ใกล้เคียง อย่างเช่น อุทยานบัวสกลนคร บึงหนองหาร หรือเที่ยวในตัวเมือง แนะนำ Pimulano hotel ที่พักในสไตล์ยุโรป อาคารแบบอิตาลีสวยงามแบบนี้ แต่ราคาถูกมาก คืนละ 500 บาท เท่านั้น ภายในห้องสิ่งอำนวยความสะดวกครบมาก และแบ่งเป็นสัดส่วน ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ มีห้องที่มีอ่างอาบน้าด้วยค่ะ หากใครต้องการพักแบบใช้อ่างอาบน้ำเสียค่าห้องเพิ่มเพียง 100 บาท เตียงนอนนุ่มนอนสบาย ดีคุ้มเกินราคามากๆ สามารถจองห้องพักและสอบถามรายละเอียดได้ในเฟสบุคของที่พักค่ะ
Tags : ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก, ชุมชนคาทอลิก ท่าแร่, ที่เที่ยวท่าแร่, บ้านท่าแร่, บ้านท่าแร่ สกลนคร, บ้านโบราณ 100 ปี ท่าแร่, วราคาเฟ่, เที่ยวสกลนคร
-
บทความที่เกี่ยวข้อง
ดูเนื้อหาต้นฉบับ
ที่มา : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%88
ขอขอบคุณ : https://www.paiduaykan.com/travel/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%88